วันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2556

คุยนอกเรื่อง + แนะการเก็บเลเวลใน L2 god thai !!


ช่วงนี้แอบมาเล่น L2 เถื่อน ละจ้า 0.0

      หลังจากเซิฟจริงปิดไปแล้ว ก็มี เซิฟเถือนเข้ามามากมายเลยนะ
ที่ดังๆ  และ มีคนไปเล่น กันเยอะๆ ก็  L2 Rising  /  L2Devil  และ อื่นๆ
แต่ ที่เอามา บอกเล่า       ในวันนี้เป็นของ      http://www.l2-thai.com/
เซิฟนี้เปิดเมื่อวันที่ 9 สิงหาที่ผ่านมานี้เอง แล้วทำไมถึงไปเล่นเถือน?
ทำไมนะเหรอ? เอาจริงๆคงเพราะ



มีเพือน(หรือลุงดี? 0.0) เก่าที่เคยเล่นมาด้วยกันในเซิฟไทย ชวนมาอีกทีหนึ่ง 

       ตอนแรกก็ตกใจอยู่เหมือนกัน นึกว่าเซิฟไทยกลับมาเปิดแล้วเหรอ? มีโคลสเบต้า 2 วันด้วย
พอเข้าไป ลองหาข้อมูลมาพักใหญ่ๆ          ก็จับใจความคร่าวๆได้ว่า เป็นเซิฟเถือนนั้นแหละ - -
เพียงแต่ผู้จัดทำ เคยทำเซิฟเถื่อน Ro มาก่อนในชื่อว่า เซิฟ PHOENIX  ที่ทำแล้วฮิตคนเล่นเยอะ
มาก ด้วยการดูแล แอนตี้บอท และอื่นๆ ที่ดีกว่าเซิฟจริง (ตามข่าวอ้างว่าคนเล่นเยอะกว่าเซิฟจริง - -lll)
ข่าวในmไทย

ด้วยการประกาศ EXP ไม่คูญ (EXPปกติ)
ปิดเล่นฟรี ภาพสวย ระบบดี เล่นสนุก สมดุลเยี่ยม คนเยอะมาก!!
Lineage II : Goddess of Destruction ป้องกันบอท 100% รองรับผู้เล่นมากกว่า 5000+

ทำให้เซิฟเวอร์นี้ดูน่าสนใจมากเทียบกับเซิฟเถือนอื่นๆ
(ในภาพ เทียบยอด Like ระหว่างเซิฟจริงเก่า กับเซิฟใหม่ - - แถมตอนนี้ 33kละ )



หลังจากดูข้อมูลคร่าวๆแล้ว ก็เลยตัดสินใจไปลองเล่นดู
เข้ามาก็บอกได้ว่า "คิดถึงบรรยากาศเก่าๆ"





คุยไปคุยมาก็เจอแต่ผู้เล่นเก่าๆ มาจากโคลสเบต้าบ้าง ซี4 บ้าง เต็มไปหมด


แคลนดัง เก่าๆที่มาให้เห็นบ้างก็มี แคลนเงา กับ ซุป แคลนเกาหลีเหนือ ที่มี Kodkong / Sebastian/
Convert และอื่นๆ อันนี้ สามไม่รู้ - - (ดูเผินๆจะกลายเป็นเซิฟ1 ไทยไปละ แต่ ตัวจริงหรือเปล่าไม่รู้อ่ะ)
 นอกจากนี้ก็มีแคลน Aren  แคลน WordPeace แคลน Burr อันนี้นะจริงแท้ - - เพราะคุยกันหมดแล้ว




       หลังจากแนะนำกันไปคร่าวๆแล้ว หลายๆคนคงอยากเข้ามาเล่น (ซึ่งตอนนี้ตัวเกมส์
โหลดยากมาก)       แล้ว    มันแตกต่างจากอินเตอร์มากไหม การเข้าเล่นจะเป็นอย่างไร 
เรา จะเก็บเลเวล แบบไหนกันดี          เข้าเรื่อง การเก็บเลเวลเลยจะดีกว่า ในเซิฟเวอร์นี้ 

การเก็บเลเวล ช่วง1 - 43 ยังเป็นเหมือนเดิม

อาจมีปัญหาเรื่องสัญลักษณ์เควส  ! สีส้ม ไม่ค่อยขึ้น หลังจบเควสแล้วคุณต้องกดคุยกับ 
NPC ต่อเอง สำหรับสายอาชีพ     ตอนนี้แนะนำทุกอาชีพ ตอนนี้เขายุบร่วมเป็น 6 คลาส
หลักนั้นคือ แล้วรอไปแยกสายตอนแพท ลิวัลเดอร์ อีกที ตอนนี้ร่วมๆกันไปก่อน
การเลือกสายอาชีพและบทบาทหลัง เลเวล 85

(ซีเกล ไนท์           ร่วม : ฟินิกซ์ไนท์/เฮลไนท์/อีวาเทมพลา/ชิลเลียนเทมพลา)
บทบาทไม่ต่างไปจากเดิม ยังแท็งชนมอน มีเฮทท ลากด้วยโซ่ เรียกเสือทองช่วยโจมตี + มี
บัพปาร์ตี้ แบบใหม่ให้เลือกใช้


(ทีร์ วอริเออร์    ร่วม : ดูอัลลิต/เดรทโนท/มาเอสโทร/ไททัน/แกรนคาวาทาลี/ดูมบิรงเกอร์)
สายนี้ ยังคงเอกลักษร์ของตัวเองเอาไว้อยู่บ้าง   เช่น เดรทโน๊ต ยังเหลือโพรโวก     มาเอสโทร
ยังสร้างของได้ แต่มีบัพตัวเองแบบ  แกรนคาวาทาลีเหมือนกันหมด อาวุธ ขึ้นกับความชอบแล้วละ

(โอเทล โร๊ก       ร่วม : แอดแวนเชอร์เรอ/วินไรเดอร์/โกสฮันเตอร์/ฟอรจูนซักเกอร์)
สายมีด เทพเหมือนเดิม - -อาจจะมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ

(ยูล อาร์เชอร์           ร่วม : ซาจิทาริอุส/ มูนไลท์ เซนติแนล /โกสท์ เซนติแนล /ทริกสเตอร์) 
ยังคงเทพเหมือนเดิม - - เห็นมีนักนูมาลากมอนเป็นโขล่ง เล่นที่บึงมรณะ ด้วยละ

(เฟโอ วิซารด์     ร่วม : อาคเมจ/โซลเทคเกอร์/มาสติก มิว/ สตอมสคีมเมอร์/โซลฮาว)
จบแล้วชีวิตวิซาร์ต ตอนนี้มีบัค ยิงวืดกับมอนหัวแดง แถม Mpหมดไวเหมือน มีคนเล่นบางตามาก



(วิน ซัมมอเนอร์     ร่วม :อาคาน่าลอร์ด /เอเลเมนทัลมาสเตอร์ /สเปกตัลมาสเตอร์)
บางตาแต่ไม่เท่าวิซาร์ต ช่วงคลาส 2 ก่อนมีซัมมอน 79 ซัมมอนตอบสนองช้า(ตอนนี้ดีขึ้น)
ตีเบาลง ตอนนี้ที่ไม่แนะนำเลยคือซัมมอนแมว มีบัคอยู่ทำให้สเตตัสแมวเกือบทุกตัวโจมตี
ต่ำเท่ากับราชินีแมว     (ยิงเองไวกว่าเอาซัมมอนไปตี)       หลัง 85 ถึงกลับมาผงาดอีกครั้ง
สายนี้พีวีพีโหดมาก หลัง 85


(อิส อินเชนเตอร์ ร่วม : ไฮโลเฟนต์/ซอร์ดมิวสต์/สเปคตัลแดนเซอร์/โดมิเนเตอร์/ดูมคราย)
อีกนิด ตอนนี้ที่ช่วงคลาส 2 ของเบลดแดนเซอร์ กับ ซอร์ด ซิงเกอร์มี บัพใหม่ ทำให้ 2อาชีพนี้
มีบัพร่วม ร้อง+เต้น เหมือนกันที่เหลือแล้วแต่ความชอบรูปลักษร์ภายนอกจ้า
บทบาทหลัง 85 Iss นั้นมีบัพทุกอย่าง มีร้องเต้นที่ได้มาจาก เบลด+ซอร์ด หรือโซนาต้า 5 นาที
ปิดท้ายด้วยสุดยอดบัพ ฮาร์โมนีที่เพิ่มพลังสูงสุด ให้กับทุกสายอาชีพ แถมยังฮิลได้ และ ชุบได้
ด้วยเกราะหนักทำให้แท็งได้และเป็นเดมเมจได้พอสมควร แถมยังมีเดวิลมูฟเมนต์ หรือ ลีลาเงาด้วย


(เอโร่ ฮิลเลอร์ ร่วม :  คาร์ดินัล /อีวาเซนต์ /ชิลเลียนเซนต์)
บทบาทยังเหมือนเดิม ฮิล บัพ รีชาท หลัง 85 ทั้ง 3เผ่ามีสมดุลเหมือนกัน (ซวยเหมือนกัน - -)มี
ฮิลกรุ๊ป มีรีชาท  หรือคุณจะต้องฮิล + รีชาท คู่กันไป โอ้! แม่เจ้า มีบัพIss หลักๆบางส่วน(เสกได้
เลยไม่ต้องเข้าปาร์ตี้) มีชุบชีวิต และ ไถ่กู้ ที่โกงจริงๆก็ ต้นไม้ รู้สึกในเซิฟนี้ ต้นไม้ฮิลไวมาก แต่ก็
มีปัญหาในส่วนของลูมิ(ลูมิปกติโจมตีไกล อันนี้เดินเข้าไปตี)แล้วก็ถ้ามีลูมิอยู่ เรียกต้นไม้ไม่ได้
(ปกติเรียกซ้อนได้แล้วลูมิจะหายไป) ร่วมถึงไม่โดนดีบัพเมื่อเรียกลูมิ(ลูมิมาพร้อม ดีบัพลดอานุ
ภาพฮิล โดยปกติ)

อันนี้ของแถมของพระ  3 เผ่า(เอลฟ์/ดาร์คเอลฟ์/บิชอพ)หลัง76+เปลี่ยนคลาสแล้ว อย่าลืมอันนี้








เราสามารถเลือกสกิลข้ามเผ่ามาได้ตามจำนวนเครืองหอมที่ได้รับ
(เช่นพระเอลฟ์ ไปเอาบัพพระดำ/ หรือ เกรทแบทเทิลฮิลของบิชอพมาได้)


ที่เก็บเลเวลหลังจบเควสเนื้อเรื่อง 

40-50  หอคอยครูม่า-------------------(Cruma tower)

50-75  หอคอยทรนง------------------( Tower of Insolence) 

65-85  บึงมรณะ ------------------------(ฺฺBloody Swampland)


(มีคนเก็บเลเวลทุกหัวระแหง - -)

85+    ป่าแฟรี่ใหม่ 


(ที่เก็บเลเวลบางที่ เป็นพื้นทีทับซ้อน -0- )

         หลัง 43 หรือจบเควส   กรุณาอย่าอายเลย เพียงคุณใช้ช่องตะโกน (กด ! นำหน้า )หาเพื่อนเก็บ
เลเวลที่ หอคอยครูม่า ก็ได้     พอเลเวล 50+ ก็มาเก็บเลเวลต่อที่หอคอยทรนง ตอนนี้มีปาร์ตี้อยู่
ตลอดเวลา  โดยเฉพาะปาร์ตี้ลาก มอนสเตอร์ ช่วงเลเวล 50 มาชั้น 2 ก็ อัพไวและ อยู่สบายๆจน
60+  ที่หอคอยทรนงคุณอยู่ได้จนถึง   เลเวล 70+ ได้อย่างสบายๆโดยการค่อยๆ เปลี่ยนชั้น หาก
อยาก ขึ้นไวกว่านั้นให้รอคอย/จัดปาร์ตี้ไปที่   บึงมรณะ ตั้งแต่เลเวล 65+ เลเวลของคุณจะขึ้นไว
มากใน บึงมรณะ แนะนำให้ตี หีบสมบัติปิศาจ กับนางพญา 2 ตัวนี้    บัคหรืออะไรมิอาจทราบได้
แต่ให้ EXP  เยอะมาก (4ล้านต่อตัว) คุณจะเข้าสู่เลเวล 80 ในเวลา สั้นๆ     แต่จะสวนทางกับเงิน
ของคุณ ที่ หอคอยทรนงจะเวลแล้วได้เงินเยอะมาก แต่ค่อยๆช้าในช่วง70+ แต่ทีบึง  คุณจะจนแกลบ
และ กรอบ อย่างรวดเร็ว    ด้วยความที่มอนอึดมากแต่ให้เงิน พัน-2 พันที่บึง คุณสามารถอยู่ได้ถึง
เลเวล 85 แต่อย่างที่ กล่าวไว้ข้างต้น บึงมรณะใช้เงินทุนค่ากระสุนเยอะมาก หากไม่มีเงินเก็บอาศัย
เงินจากการเปลี่ยน อาชีพ 5m มาซื้อกระสุน หมดตัวล้มละลายแน่คะ  และหลัง 85 เราจะย้ายไปที่
ป่าแฟรี่ใหม่ ซึ่งก็บัค 1112 หรือย่างไรไม่อาจทราบได้ มอนให้ EXP หนักเหมือนกัน 7-8  ล้าน  ชีวิต
หลัง85 ลากมอนกันไปยาวๆคะ เควส K85 เดี่ยวได้ Exp แค่ครั้งเดียว ส่วนเควส ที่เหลือถ้าไปแล้ว
จะ ทยอยนำมาบอกเล่าอีกที ถ้าคุณมีปาร์ตี้ดีๆใช้เวลาไม่นาน ก็เลเวล 85 รับรองจ้า
(ปล.ช่องค้าขาย / ช่องตะโกน ได้เห็นกันทั้งเซิฟ บางทีก็มีข้อความที่คุ้นเคยในเซิฟไทยผ่านตาเข้าม
ไม่แน่นะ คุณอาจเจอเพื่อนเก่าได้ง่ายๆเลย)


สำหรับผู้ชื่่นชอบการเก็บเลเวลแบบ Solo 

ก็แนะนำได้นิดๆว่า ยังสารถทำได้ แต่ คุณจะเจอปัญหาเยอะกว่า เก็บเลเวลช้ากว่า และจะ ยิ่งชัด
เจน ตัวอย่างเช่น เมื่อเลเวล76+ ที่เวลยอด ฮิตอย่างเกาะดึกดำบรรพ์ มอนสเตอร์ เกิดน้อยมาก
แต่    ทีเร็กดุมาก (ออโต้เข้าโจมตีทันที) ที่สำคัญคือ มอนสเตอร์ตอบสนองต่อเราค่อนข้างช้า
และจะ ยืนอยู่กับที่ ตลอดไม่เดินไปไหน โดยร่วมช่วงเลเวล 50-76 ตามพื้นที่เดิม ยังทำการเก็บ
เลเวลได้ดี

เควสวัน
ยังทำได้และ ได้เงินเยอะ ได้ SP เยอะดี

ไพลาคา
49-53  กลูดิน ได้อาวุธ Bound B เกรด แบบสุ่ม
63-67  กีรัน     เห็นว่ามีบัคลงเรื่อซาเคนไม่ได้
73-77 โกดาด  ยังไม่มีข้อมูล (เวลเกินตลอด - -)

เรดบอส
เซิฟเวอร์นี้ สำหรับเรดบอสตัวเดียว อันตรายมาก ทุกตัวที่ไปลองมา มีลบบัพ และ  ลบบ่อยมาก
ไม่ได้รับบัพ +EXP10%จากเรดบอส ได้ค่าประสปการณ์ต่ำ(น่าจะยังเป็นฐานข้อมูลเซิฟเวอร์ไทย)
ตัวเรดหลักๆที่ได้EXPเยอะๆ ยังไม่ได้ทดสอบ และเมื่อทำการล่าเรดบอส โปรดระวัง ผู้ไม่หวังดี
นอกปาร์ตี้ หากมีใครก็ตามมมาตีปิดเรดบอสได้สิทธ์เก็บได้ไอเทมทั้งหมดจากเรด ไปด้วย ไม่รู้
เพราะ อะไรเหมือนกัน น้องไปตีเรด 60+มา แล้วมีวินอกตี้มาจากไหนไม่รู้ มาตีปิดเก็บไอเทมได้
ไปหมดเลย หวังว่าคง แก้บัคกันไวๆ นะคะ * *

ตำรา
เซิฟเวอร์นี้ยังมีฐานข้อมุลเก่าอยู่ พวกตำรา พูนศักสิทธ์ และ ตำราสกิลเลเวล 81/82 ยังต้องใช้อยู่
ใครหามาขายได้ รวยจ้า

SP
ในเซิฟเวอร์อินเตอร์ Sp ถูกปรับลด ตัดเลข 0 ลงไป 1ตัวทำให้คุณอัพสกิลได้หมดตามแต่ใจจะไขว้คว้า
แต่ที่นี้ยังใช้พื้นฐานข้อมูล แบบเซิฟไทย Sp ใช้เยอะมาก คุณจำเป็นต้องเลือกเรียนเอาที่จำเป็นๆเท่านั้น
และจะได้ใบ Sp 500m มาปรับสมดุลเรียนหลังอเวเคนิ่ง ตอน 85 แล้วทำให้อัพสกิลคลาส 4ได้ครบ
แต่ตอนก่อนคลาส 4 ยังไงก็ไม่มีทางเรียนได้หมด

ไอเทม Bound
ปัญหาเยอะมาก ของบางอย่างเป็นของ 2 มือ สามารถถือได้ด้วยมือเดียว ได้รับการแก้ไขให้ใช้สกิลได้
แล้ว       (หอก Bound 2มือ /ดาบBound 2 มือ ตอนนี้จะถือมือเดียว และถือโล่ได้ ) ส่วนไอเทมป้องกัน
ของ Bound พวก มือ และ เท้า ไม่สามารถเปิดผนึกกับ ช่างเหล็กได้ในเซิฟเวอร์นี้

การเปลี่ยนแปลง จากเควสเปลี่ยนอาชีพ ในเซิฟนี้

คลาส 1
ที่เลเวล 6 ตอนต่อสู้กับทิฟ NPC จะไม่มาช่วยเรา(ฆ่าเอง)ตอนนี้น่าจะตัดข้ามไปคุยอย่างเดียวแทน
ที่เลเวล15เควสจาก walter ไม่ต้องไปส่งน้องหมา ให้เดินไปคุยกับพระราชาได้เลย

คลาส 3
ที่เลเวล76 เควสเปลี่ยนอาชีพคลาส 2 เหมือนอินเตอร์ หาศพ 4 ศพและพอตอนไปคุยกับ NPC หลัง
หาศพจะถูกเทเลพอร์ตกลับมาที่อาเดนไม่ต้องตกใจคะ      รู้สึกจะมีปัญหาบางอย่าง ผู้จัดทำเลยตัด
ระบบเข้าทดสอบการเปลี่ยนอาชีพคลาส 3 ออก ให้ไปคุยต่อและเปลี่ยนอาชีพได้เลย

คลาส 4
ที่เลเวล85 เปลี่ยนอาชีพได้เหมือนเดิม แต่ตอนไปเปลี่ยนคลาส 4 แนะนำ อย่าอยู่ตรงกลางโดยเด็ด
ขาดมิฉะนั้นคุณจะร่วงหล่นลงฟ้าได้เมื่อมอนสเตอร์ในที่ทำเควส สกิลใส่ 

* ลืม 
ไอเทมเกรดอาร์สามารถแลกได้ตอนเลเวล 85 โดยการใช้ใบ พี่เลี้ยง โดยให้คุยกับNPC
Mentor guide ไปเรื่อยๆ จะแลกได้จ้า

สรุป
โดยร่วม เรื่องอุดมการณ์ ถือว่าเป็น เซิฟเวอร์ ที่ดีมากจ้า  ใครบอทโดนแบน IP ในคอม นะจ้ะ  * *
สังคมก็ดี มีการไล่ฆ่าบอท เหมือนช่วงเริ่มเกมส์แรกเลย  ในปาร์ตี้มีคนเก่าๆมาเล่นเยอะเลย เจอ
เพื่อนเก่าเต็มไปหมด ส่วนเรื่องตัวเกมส์ยอมรับว่ามีบัคเยอะมาก ขัดใจมาก   ในบางส่วน แต่เราก็
เข้าใจว่า การทำเกมส์ L2 นั้นยุ่งยากมาก และคงต้องใช้เวลานาน เราเพียงหวังว่า สักวันทุกอย่าง
จะเข้ารูปเข้ารอยจนสมบรูณ์ 


แถมอีกเล็กน้อย

เพิ่มอีกนิด ตรงความเข้มแสงปรับเป็น 60 Hz 




Warning
เนื้อหาบางส่วนนี้ไม่ใช่การดิสเครดิต แต่เป็นเพียงคำทักท้วงเรื่อง BUG ตอนนี้ BUG เยอะมากและ 
ทางผู้จัดการเซิฟเวอร์และ ผู้เกี่ยวข้อง  กำลังแก้ไขกันอยู่ เอาใจช่วยให้แก้ได้ไวๆจ้า





ปกรณัม : ลินเนจ 2 บทที่ 4 การปฎิวัติของยักษ์

เหล่ายักษ์ได้เตรียมการสำหรับ สงครามเรียบร้อยแล้วนี้เองเป็นจุดเริ่มต้น....

           แต่ไอฮัสซัส ก็ยังไม่ลดละความพยายาม    เธอนำพาเหล่าเทพสวรรค์ ลงมาประกาศ
สงคราม กับเหล่ายักษ์ โดยหวังว่า  เหล่ายักษ์จะเกรงกลัวอำนาจ และ ยอมจำนนลงไปในที่สุด
แต่ เหล่ายักษ์เอง ก็ กำลังรอคอย   วันที่จะได้ประกาศสงคราม กับ เทพอยู่นานแล้ว แถม การ
ที่ ไอฮัสซัส ทำเทวทัณฑ์ ต่อ เทพีชิลเลนยิ่งไม่อาจอภัยได้




           ไม่ รอช้า เหล่ายักษ์ เริ่มทำการ ต่อต้านเหล่าเทพ ด้วยกองทัพ ของตนทันที ด้วย
ทุกอย่าง ที่พวกเขามี เหล่ายักษ์ เองก็มีศักกายภาพ  เป็นรองเพียงเหล่าเทพเท่านั้นพวกเขา
มีจำนวนมาก แถม มากด้วยปัญญา การปะทะกันของเหล่าเทพกับยักษ์โดย ตรงย่อมเกิดความ
สูญเสียเป็นอันมาก ไออัสซัส ตระหนักถึงข้อนี้ดี เธอจึงเรียก เหล่าเทพธิดาแห่ง แสงทั้ง 9 ที่
เป็น เสมือนดัง ตัวแทนของเธอลงมา ทำสงครามครั้งนี้ด้วย




              เหล่าเทพธิดา ของไออัสซัส โดดเด่นกว่าใครในสงคราม  อาภรแห่งแสงของพวกเธอ
ไม่มีอะไร ทำอันตรายได้ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม้แต่บาดแผล เล็กๆ     หรือรอบขีดข่วน ในขณะที่
สงคราม กำลังดำเนินไป อย่างบ้าคลั่ง  เหล่ายักษืเริ่มเสียเปรียบในกาลสงคราม เขาจึงงัดอาวุธ
ลับ จากการวิจัย ออกมา     ดาบยักษ์เอมานูเอลลิช      ถูกหยิบขึ้นโดยทหารกล้าของเหล่ายักษ์
สร้าง ความเสียหาย ให้แก่เหล่า เทวทูติได้มากมาย   ในขณะ ที่เทพเทวา       กำลังชะงักกับการ
ปรากฏของ ดาบเอมานุเอลลิช    ยักษ์อีกคนได้ใช้     ปืนใหญ่เลโอโพล       ยิงขึ้นไปกลางนภา
ด้วยความไม่ระวัง ของเหล่าเทพ    แรงระเบิด    จากปืนใหญ่ทรงอานุภาพ          ทำให้เหล่าเทพ
ร่วงหล่น ลงมาดังขนนก  ปลิว เต็มท้องฟ้า เหล่าเทพ กำลังเสียเปรียบบ้างแล้ว

             และจะปล่อยให้     เหตุการณ์เป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ได้   ไออัสซัส   ลงมาเข้าสงครามด้วย
ตนเอง  ร่วมกับ ธิดาแห่งแสงทั้ง 9       เพื่อปล่อย พลังศักสิทธ์      พิพากษา   เหล่ายักษ์โดยตรง
พลังทำลาย  สะเทือนเลือนลัน  ไปทั้งโลก      หลังม่านหมอกควันนั้น               ฝ่ายเทพเข้าใจว่า
ยักษ์ คงจะถูกทำลายลงไป    ไม่มากก็น้อย     แต่กลับผิดคาด   ไม่มีการสูญเสียใดๆ     การโจมตี
จากเทพ ถูกสกัดกั้นไว้ด้วย โล่สวรรค์พราก้า!


             พวกยักษ์กำลังเป็นต่อ.... เป็นครั้งแรก ที่ไอฮัสซัสรู้สึกว่า กำลังถูกคุกคาม  แม้พวกเขาจะ
เคยทำสงครามกับชิลเลนมาแล้ว แต่ครั้งนั้นไม่เหมือนกัน ชิลเลนเองก็มีเชื้อสายเทพ แต่กับยักษ์
ไม่ใช้  แล้ว ทำไมพวกเขาถึงทำได้ขนาดนี้

             เหล่ายักษ์ ยังคงทำสงคราม ยืดเยื้อกับเทพ       ไอฮัสซัส ยังไม่ยอมถอนทัพ      ไปง่ายๆ
เธอสั่งให้ธิดาทั้ง 9 จัดการกับ ยักษ์ที่ถือ อาวุธสำคัญ 3 ชิ้น   แม้    อาวุธในมือจะทรงพลังแค่ไหน
แต่ตัวผู้ใช้ก็ยังเป็นเพียงยักษ์ ธรรมดาอยู่ดี  ไม่นาน ยักษ์ผู้ถือเอมานูเอลลิชก็ถูกสังหารด้วยธิดา
แห่งแสง เช่น กันกับ   ผู้ถือปืนใหญ่เลโอโพล และ โล่สวรรค์พราก้าก็ไม่อาจกันอำนาจ ที่ไม่ใช้
พลังเวทย์ได้ ผู้ถือถูกสังหารในเวลาต่อมา

             สถานการณ์เริ่ม พลิก   เหล่ายักษ์ กำลังร่นถอยลงไป   เหล่าเทพ ที่เหลือ  กำลังลุกฮือ
เสียงกู่ร้อง อื้ออึง ไปทั้งท้องฟ้า เทวสาวก กำลังดีใจ และเริ่มไล่บด ขยี้ศัตรู เพื่อเอาคืนบ้าง แต่
รอยยิ้มของเทพปรากฏอยู่ได้ไม่นาน

เมื่อมีสิ่งมีชีวิตเล็กๆสีหม่น บินด้วยปีก  เข้าปรากฏบนท้องฟ้า สปิคูล่า เข้าสู่สงคราม!









ปกรณัม : ลินเนจ 2 บทที่ 3 กำเนิดคามาเอล





        หลังจากสงครามของทวยเทพได้จบลงแล้ว แม้เทพีชิลเลนจะปิดผนึกตนเอง
ไว้ในโลกแห่งความตาย แต่ร่องรอยของภัยสงครามยังไม่ได้หายไปไหน และ ยัง
ทิ้งร่องรอยของ ความแตกร้าวเอาไว้ระหว่าง ชาวโลก และ เหล่าเทพ โดยเฉพาะ
อย่างยิ่ง แก่ "พวกยักษ์"

            ยักษ์นั้น ได้ตระหนักแล้วว่า "เทพีไอฮัสซัดผู้งดงาม" ที่ตนเคยนับถือมาโดย
ตลอดนั้น แท้จริง กลับไม่ได้สูงส่ง และ ควรค่าแก่การนับถือเลย  ซ้ำเธอยังร้ายกาจ
น่ากลัวเกรงกว่า พวก จตุรปิศาจ เสียอีก เหล่ายักษ์สงสาร เทพีชิลเลนกันจนจับใจ
และ เกิดความขุนเคือง อยู่ไม่น้อย พวกเขา ขาดที่พึงทางใจ สับสน และ เกรงกลัว
ไอฮัดซัส เป็นอันมาก และเมื่อความกลัวดำเนินมาจนถึงขีดสุด...

เผ่าพันธ์ ยักษ์ก็พบทางออก...

            "พวกเขาปราถนาจะ สังหาร พระเจ้า"

             แต่อะไรละ จะเป็นเครื่องมือ ที่จะใช้ทำการใหญ่ถึงเพียงนั้นได้ แม้เทพี ชิลเลน
จะเป็น เทพีที่ทรงพลัง ก็ยังพ่ายแพ้ แล้วอะไรกันเล่า  คือสาเหตุที่ทำให้ชิลเลนต้องแพ้

             "คำตอบก็คือชิลเลนเป็นลูกของไอฮัดซัส"

              ผู้สร้าง ผู้ให้พลัง จักแพ้ได้อย่างไร กับผู้ได้รับพลังนั้นมาจากตนอีกทีเล่า
ยิ่ง พวกยักษ์ตระหนักได้อย่างนั้น  ยิ่งหวาดกลัว เพราะพวกตน และ เกือบทุกชีวิตบน
โลกใบนี้ ต่างก็กำเนิดจากเทพเจ้า แล้ว เขาจะต่อกรกับเทพเจ้าได้อย่างไร...

               "พวกเขา ต้องให้กำเนิดอะไรสักอย่าง..."

               "อะไรสักอย่าง ที่เกิดมาเพื่อการใหญ่..."

               "อะไรสักอย่างที่เกิดมาเพื่อสังหารเทพเจ้า..."

              เพื่อคำตอบนั้น ของพวกเขา ทำให้มุ่งไปสู่การค้นคว้าทดลอง โปรเจคที่ชื่อ
อาร์บีเท วิทยาการใหม่ๆ ด้วย ปัญญาของพวกเขา ทำให้แบ่งกลุ่มวิจัยขึ้น และ สำหรับ
พวกยักษ์ธรรมดา ที่ไม่ได้ เกี่ยวข้องกับงานวิจัย  และ ส่วนของงานวิจัย นั้นก็ คือ
น้ำแร่แห่งชีวิต "น้ำแร่ มิมีร์" แต่นั้น ก็ได้หารอดพ้นสายตาของเหล่้าทวยเทพได้ไม่
ไอฮัดซัส เฝ้าดูพวกเขามาตั้ง แต่แรกแล้ว น้ำแร่มิมีร์ ของพวกยักษ์ สามารถให้กำเนิดสิ่ง
มีชีวิตใหม่ได้ แต่ไม่ทรง พลังอำนาจ เท่ากับ พวกเผ่าพันธ์เดิม สิ่งที่เขาสร้างได้ก็คือ
เผ่าพันธ์โอเอลมาฮุม   ยิ่งพวกยักษ์พยายามมากเท่าไหร่ก็ไม่ได้อะไรที่ดีกว่า  และเมื่อ
ไอฮัสซัสได้เห็นผล ความล้มเหลว ดังนั้น จึงไม่สนใจอีก เพียง ส่งเทวทูตมาเตือน แต่
พวกยักษ์แสร้งทำเป็นรับฟัง แต่ก็ยังแอบดำเนินงานวิจัยลับๆต่อไปด้วยการ ขุด ถูกเขา
ให้เป็นช่อง ทำศูนย์วิจัยลับ ในเกาะที่ถูกซ่อน เกาะจิต

                ทำงานวิจัยนี้อีก  เหล่ายักษ์เริ่มท้อจนกระทั่ง ข่าวนี้รู้ไปถึง ฮัลลีชา
ฮัลลีชาให้ความช่วยเหลือแก่พวกยักษ์ โดยมอบวิธีใช้พลังของ อันเดธ ให้แก่พวกเขา
จากความร่วมมือของฮัลลีชา ความรู้และพลังอำนาจของอันเดธ ผนวกกับ น้ำแร่
ที่ให้กำเนิดชีวิตใหม่ได้ มีมีร์ ในที่สุดเผ่าพันธุ์ใหม่ก็ได้ถือกำเนิดขึ้น เผ่าพันธุ์ใหม่
ที่ถือกำเนิดจากความตาย ผู้ได้รับมอบหมายหน้าที่สังหารพระเจ้า
คามาเอล นาม คามาเอล มีความหมายว่า 

          "นักล่าพวกที่มีชีวิตนิรันดร์ หรือ นักรบผู้มีชีวิตอันเป็นนิรันดร์" (lmmortal Killer )

คามาเอลถูกสร้างขึ้นมาให้มีความสามารถที่ลำเลิศกว่าเผ่าพันธุ์ทั้ง 5 มีพลังชีวิตที่
ใกล้เคียง กับความอมตะ แต่ก็ยังน้อยกว่าเหล่ายักษ์อยู่ดี

เผ่าพันธ์คามาเอล ได้ถูกแยกงานวิจัยเป็น 2 ส่วนได้แก่






        1.สปิคูลา หรือ หอกที่พุ่งตรงไปยังเทพเจ้า เป็น พวกพิเศษออกแบบให้มีปีกทั้ง 2 
ข้างเพื่่อบินไป    ต่อกรกับเหล่าทวยเทพบนสวรรค์ และด้วยพลังแห่งความตายนั้นเอง
ทำให้พวกเขา     สามารถสร้างบาดแผลให้แก่เหล่าเทพได้ แม้สปิคูล่าจะทรงพลังมาก
แต่ก็ มีข้อเสียที่สุด คือไม่สามารถสืบพันธ์ได้ เหมือนเช่นสิ่งมีชีวิตทั่วไป




        2.เมซเซ่ซูล่า คามาเอล แบบธรรมดา มีพลังด้อยกว่า สปิคูล่ามากมายนัก แต่มี
การแบ่งเพศ และ พัฒนา ความสามารถในการสืบพันธ์ พวกเขาเชื่อว่า สิ่งมีชีวิตที่
สมบรูณ์ต้อง สืบพันธ์ได้ เพื่อดำรงอยู่ต่อใปในโลกใบนี้ แต่ งานวิจัยนี้จะไม่เป็นที่
สนใจและต้อง นำไปทำต่อในพื้นที่ๆเรียกว่าเกาะดวงจิต ที่ห่างไกลจากสายตาเทพเจ้า

นอกจาก เผ่าพันธ์ใหม่ ที่จะเป็นขุมพลังเอาไว้ต่อกรแล้ว ยักษ์ ยังได้พัฒนา ทำอาวุธ
วิเศษไว้ ต่อกรกับเทพเจ้า ด้วยกัน 3 ชิ้นได้แก่
1.เอมานูเอลลิช  ดาบยักษ์ ที่ถูกทำเพื่อให้เหล่ายักษ์ใช้ ด้วยคมดาบที่อาบไว้ด้วย
วิทยาการแห่งศาตร์มืด ทำให้เป็นอาวุธที่ฟาดฟันสังหารเทพ
2.ปืนใหญ่เลโอโพล  ปืนเวทย์มนต์ พลังอันเดธ ที่ว่ากันว่าสร้างความเสียหายได้
ไม่น้อยไปกว่า เอมานูเอลลิช
3.โล่สวรรค์พราก้า โล่ยักษ์ ที่ออกแบบมาเพื่อรับพลังทำลายของเทพโดยเฉพาะ

         นอกจากนี้ เหล่ายักษ์บางตน ที่ต้องการพลังอมตะ จากวิทยาการอันเดธ
ได้ตัดสินใจ เข้ารับพลังนั้นด้วยตนเอง โดยยอมให้ร่างกายบางส่วนของตนเอง
เน่าเปื่อย แลกกับชีวิต อมตะ ยักษ์เหล่านี้ได้ถูกขนานนามว่า ยักษ์กาก




กว่าที่ไอฮัชซัสจะรู้ตัวว่าเหล่ายักษ์ได้เตรียมการอะไรเอาไว้ก็สายเสียแล้ว...










วันจันทร์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ปกรณัม : ลินเนจ 2 บทที่ 3 สงครามทวยเทพ


                   เมื่อเผ่าพันธุ์ทั้งหมด  เอลฟ์ ออค ดรอฟ์ และ มนุษย์ ได้อยู่ร่วมกัน ภายใต้การ
ปกครองของเผ่า  ยักษ์ และ การชี้นำของ เหล่าทวยเทพ  โดยเฉพาะไอฮัดซัส  ที่เข้ามามี
บทบาท ริเริ่มให้        สร้างศาสนจักรที่บูชาเทพีไอฮัดซัส และเธอจะส่ง     เทวทูต ส่งข่าว
ลงมาอยู่เนืองๆแก่พวกยักษ์    และบางครั้ง  เธอก็ส่งเทพีชินเลนลงมา   ทำให้ชินเลน และ
พวกยักษ์มีความสัมพันธ์ไกล้ชิดกันมาก  และมีอยู่  ครั้งหนึ่งที่ชิลเลน ได้ทำหน้าที่เทพที่ดี
ช่วยบรรดาสัตว์บรรพกาลที่  ทรงพลังออกไปจากโลก ก่อนที่จะถูกกำจัด  เธอเก็บพวกมัน
ไปไว้ที่ เกาะเล็กๆแห่งหนึ่ง เพื่อให้เผ่าพันธ์โบราณยังคงดำรงชีวิตอยู่สืบไป...
และเป็นตัวอย่างให้ทุกเผ่าได้ตระหนักรู้ว่า

"ทุกชีวิตยังมีเทพคอยช่วยเหลือนำทางอยู่"

               ทุกอย่างดำเนินไปตามกงล้อแห่งโชคชะตาอย่างปกติ ทุกชีวิตอยู่ อย่างเท่าเทียมกัน
ทุกอย่างควรจะดำเนินไปเช่นนั้นแต่ทว่า วันหนึ่ง....การเปลี่ยนแปลงก็ได้เกิดขึ้น...

"การเปลี่ยนแปลงที่เลวร้ายที่สุด เท่าที่โลก Lineage เคยมีมา...."

ทุกอย่างเกิดจาก เทพกรังไคน์ ได้ลักลอบได้เสียกับลูกสาวตัวเอง จนตั้งครรถ์ นั้นก็คือเทพีคนโต
ชิลเลนและทุกอย่างก็เลวร้ายกว่าที่ ใครคาดคิด เมื่อ ความจริงนี้ได้ปรากฎแก่ ไอฮัสซัด...

       ไอฮัสซัส นั้นเกรี้ยวกราดเป็นอย่างยิ่ง   ความโกรธของเทพีแห่ง แสงช่างร้อนแรงและเจิดจ้า
แต่ทว่าโทสะเหล่านั้น  กลับตกไปลงที่ เทพีชิลเลน แต่เพียงผู้เดียว เทพีชิลเลนถูกริดรอนอำนาจ
ถอดออกจากการเป็นเทพ ปลดออกจากการเป็นเทพีแห่งสายน้ำ

        และถูกเนรเทศ ขับไล่ออกจากสวรรค์...

       แต่ ก็ยังไม่ร้ายเท่าความเย็นชา ของกรังไคน์ ที่ไม่ได้คิดจะทักท้วง และ ช่วยเหลือ ชิลเลนแม้
แต่น้อย เขาเพียงเฝ้าดู ชิลเลน ลูกสาวและ   ภรรยาน้อยจากไปอย่างไม่ใยดี ซ้ำร้าย ก่อนที่ชิลเลน
จะลงไปยังโลก เธอได้มอบคำสาป สุดพิเศษ แก่ ชิลเลน ลูกสาว คนแรกของเธอ

       ชิลเลน ได้แต่เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น โกรธ ที่่ความผิดทุกอย่างกลับ ตกเป็นเพียงของเธอเพียง
ลำพัง และพ่อของเธอกรังไคนืก็ไม่ได้ไยดี อะไรกับเธอเลย ทั้งๆที่เทพ กรังไคน์  เป็นคนเริ่มความ
สัมพันธ์ั อันเลวร้ายนี้

       เมื่อ ชิลเลนจากไปแล้ว ขาดซึ่งผู้ดูแลสายน้ำในโลก ไอฮัสซัดได้ แต่งตั้ง อีวา ขึ้นเป็นเทพีแห่ง
น้ำคนใหม่เมื่อข่าวนี้    กระจายออกไป  เหล่าเอลฟ์น้ำตาลหรือเอลฟ์ต้นไม้ ยอมรับอีวาเป็นมารดา
คนใหม่ของตนเอง      แต่ทว่า พวกเอลฟ์สีเทา ไม่ตอบรับ พวกเขายังคงความภักดี แก่ เทวีชิลเลน
เช่นเดิม และเอลฟ์สีเทา ก็ได้แยกตัวออกมาจากเอลฟ์น่ำตาล       แม้จะมีข้อ พาทเกิดขึ้นมากมาย
ทุกเผ่าพันธ์ต่างวิพากย์  วิจารย์ในสิ่งที่เกิดขึ้นกับ ทวยเทพ ความศรัทธาของพวกเขาเริ่มสั่นคลอน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับพวกยักษ์

         ชิลเลนควรจะจากไปอย่างสงบ....              ถ้าเธอไม่ได้รับคำสาปสุดพิเศษ จากมารดาของเธอ...
เมื่อชิลเลนคลอดบุตรออกมา... เธอจึงได้เข้าใจ

ทุกสิ่ง...บุตรที่เธอคลอดออกมาคือ...

อสูรร้ายที่ทรงพลานุภาพที่สุดบนพื้นพิภพทั้ง 6 ตน..

.
มังกรปฐพี(อันธารัส)เอ่อ...กรุณาอย่าอ่านเป็น อัณ-ฑะ-รัด


มังกรไฟ(วาลาคัส)












มังกรวายุ(ริวัลดอร์)











มังกรวารี(ฟาฟูเรียน)

มังกรแห่งแสง (ออลาคิเรีย)

มังกรความมืด (ไม่กรากฎชื่อ)



         คำสาปที่ไอฮัดซัสสาปเอาไว้ก็คือ ให้เธอให้กำเนิดได้แต่สัตว์ ประหลาด  รูปลักษณ์น่าเกลียด
เมื่อชิลเลนได้รู้ว่าลูกๆของเธอต้อง กลายเป็นอสูรกาย    ด้ายเส้นสุดท้ายขาดออกเสียแล้วเธอแทบ
จะเสียสติไปในทันที  ในที่สุดความโกรธแค้นก็ค่อยๆกลืนกินเธอ จากรูปลักษร์เทพีชิลเลนที่เคยมีรูป
หน้า และ กริยางดงาม เทพีองค์โต ที่เคารพบูชา      กลับถูกความมืดในจิตใจ กลืนกิน  จนกลายเป็น
อะไรที่ น่ากลัว และหัวใจที่ถูกฉาบด้วยสีดำของเธอ กำลังเรียกร้องการแก้แค้น


        เทพีชิลเลนในบัดนี้กลายเป็น"ราชินีของเหล่ามาร"   ทั้งหลาย นอกจากเธอ จะให้กำเนิด
มังกรทั้ง 6  แล้ว ยังคงสร้างเหล่าอสูรกาย ต่างๆขึ้นมาบนโลก (เผ่าพันธ์ลิซาดเป็นต้น หรือจะบอก
แบบเศร้าๆว่า พวกกิ่งก้าลิซาด ก็เป็นญาติกะเอลฟ์ และ ดาร์คเอลฟ์)   เพียงเพื่อจุด ประสงค์เดียว
นั้นก็คือเพื่อทำสงครามกับบิดา มารดาของเธอ

มหาสงครามเทพเจ้ากำลังจะเริ่มต้นในไม่ช้า

        ทุกอย่างเลวร้าย    กว่าที่ทุกคนคิดเอาไว้มาก มังกรทั้ง 6 ถึงแม้ จะมีรูปกายเป็นสัตว์อสูร แต่ก็มี
"สายเลือดของเทพ" ไหลเวียนอยู่ เต็มกาย กองทัพปิศาจร้ายเต็มไปด้วยขุมพลังอำนาจ  ที่สันคลอน
ไป ถึงสรวงสรรค์ เหล่าปิศาจร้ายเดิมที่ซ่อนเร้นกายอยู่    ในปลโลก ฟื้นคืนกลับขึ้นมา และ แสดงตน
อย่างเปิดเผย ตบเท้าเข้ามา ต้อนรับกำเนิดราชินีแห่งหมู่มารคนใหม่ จอมทัพปิศาจที่ได้ชื่อว่า
แข็งแกร่งที่สุดจตุรเทพทั้ง 4 แห่งโลกปิศาจได้แก่


1.เบเรธ มนุษย์เพียงผู้เดียวที่ก้าวเข้าสู่ศาตร์มืดจนมีพลังมากมายกว่าปิศาจใดๆ หลักฐานก็คือ
โลหะปราสาทของเขา


2.อัลเดรเลียส แวน เฮลเตอร์  ผู้นำศาสนจักรมืด แห่ง วิหารนอกรีต วิหารลี้ลับที่ไม่มีผู้ใดจักล่วงรู้



3.ฮัลลีชา จอมมารผู้คอยล่อหลอกทำสัญญา กับผู้คนผู้หลงผิดมาตั้งแต่ครั้งอดีตกาล



4.ลืมไปแล้วอ่ะ... - - ลืมจริงๆใครจำได้มาบอกที ถ้านึกออกบอกด้วยจะมาใส่นะ

         สุดยอดกองทัพปิศาจ  ภายใต้การนำของราชินีแห่ง ความมืดชิลเลน ก่อนทำการต่อสู้กันนั้น
มังกรแห่งแสง  ออลาคิเลียได้เขามากล่าวเตือนสติมารดาอีกครั้ง

        "ท่านแม่ ท่านไม่รู้ตัวหรอกว่าท่านกำลังทำอะไรอยู่ หรือว่าท่านกำลังประสงค์จะทำลายเหล่า
เทพที่ไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ หรือ ท่านหวังให้บิดา มารดา พี่น้องของท่านได้จมลงสู่ทะเลเลือดของ
พวกเขาเองเช่นนั้นหรือ? "

 แต่ไม่เป็นผล ชิลเลนไม่ฟังคำทัดทานแต่อย่างใดและคงไม่มี     อะไรเปลี่ยนใจนางได้อีกและแล้ว    
การบุกโจมตีก็เริ่มต้นขึ้นเหล่ากองทัพปิศาจ ที่นำมาของมังกรทั้ง 6 บุกเข้าไปฆ่าล้าง เหล่าทวยเทพ
ถึง ปราสาทชั้นฟ้า เกิดควาสูญเสียมากมายและโลกทั้งโลก ก็ได้รับรู้ถึงความน่าเกรงขามและพลัง
อันน่าเหลือเชื่อของมังกร เป็นครั้งแรก





             และข่าวนี้ก็ได้ล่วงรู้ถึงไอฮัสซัดอีกครั้ง เธอไม่พอใจมาก และส่งผู้ส่งสานห์ และ  เหล่า
เทวทูตแห่งแสง      ลงมาเพื่อทำสงคราเต็มรูปแบบ เป็นสงครามที่บ้าคลั่งและสั่นสะเทือนไปทั้ง
โลกเหล่า บรรดาพี่น้องชินเลน  ได้แต่เขาไปช่วยป้องกันให้กับ  เผ่าพันธ์ที่ตัวเอง ให้กำเนิด ส่วน
อีวาเทพีแห่งมนต์ร้องทำนองเพลง ที่แสนจะขาดกลัว และขี้อาย ได้นำพาเหล่า เอลฟ์น้ำตาลไป
ซ่อนตัวไว้ที่สวนของอีวา เธอกลัวว่าพี่สาวชิลเลน   จะโกรธที่เธอได้รับตำแหน่งนี้มาก  จนไม่ได้
ดูแล อีเทอร์ของสายน้ำสายน้ำต่างๆ       ทำให้สายน้ำต่างๆไหลลงจากที่ต่ำไปที่สูง สะเปะสะปะ
จนเกิดอุทกภัยครั้งใหญ่  จนไอฮัสซัสต้องมา ตักเตือนเธอ     ด้วยสายตาที่ร้อนแรง เทพีอีวากลัว
เสียจนจับใจ ในสวนอีวาแห่งนี้   เธอพำนักกับเหล่าเอลฟ์ และได้สอน มนต์เพลง ต่างๆ ให้แก่เหล่า
เอลฟ์    หรือก็คือ การสอนเอลฟ์ให้ใช้ เวทย์มนต์และนั้นเอง  และการสอนเวทย์มนต์ในครั้งนี้ นอก
จากจะส่ง ผลให้เหล่า เผ่าพันธ์อื่นๆเกิดความต้องการจะเรียนรู้มันแล้ว ยังเป็น การหว่านเมล็ดพันธ์
แห่งความเศร้าในอนาคตอีกด้วย

           มหาสงคราม ศึกแห่งเทพเจ้า   ยังดำเนินไปอย่างบ้าคลั่ง  ทั้ง ไอฮัดซัส และ  ชิลเลน  ค่อยๆ
สูญเสียกองทัพของเธอไปเรื่อยๆ ถึงจะพิมพ์แบบนั้น แต่เทพที่ต่อสู้กันมีเพียง ไอฮัดซัด และ ชิลเลน
เท่านั้น   ส่วนของกรังไคน์นั้น              อาจจะยังเหลือ ความรับผิดชอบอยู่บ้าง จึงไม่ก้าวก่ายเข้ามา
ในสงครามมากนัก การต่อสู้เป็นไปอย่างสูสี     ทั้ง เหล่าทวยเทพสาวกผู้ส่งสานห์   และเหล่าปิศาจ
ต่างไม่ยอมถอยให้แก่ กันแม้แต่ก้าวเดียว

ด้วยการปะทะกันอันดุเดือดบนฟากฟ้า ยักษ์ และ สิ่งมีชีวิตบนโลกได้ แต่ เฝ้าดูการต่อสู่นี้ด้วยความ
หวาดหวั่น  ชีวิตมากมายของ  เหล่าปิศาจ และ เทวทูต ร่วงหล่น ราวใบไม้ร่วง ในสงครามนี้ตัวชี้วัด
ที่พอจะบ่งบอก  ได้ถึงชัยชนะ คือผู้ที่มีพลังทัดเทียมกันของทั้ง 2 ฝ่ายคือ เหล่้าเทพพี่น้อง และ สาวก
หลักของไอฮัดซัด กับ มังกรทั้ง 6 ของชิลเลน แต่สงครามนี้ กินเวลายาวนานเหลือเกิน ทั้ง 2 ฝ่ายเต็ม
ไปด้วยความเหนื่อยล้า

สงครามที่บ้าคลั่งดุเดือด     ดำเนินมาอยู่หลายปี และฝ่ายหนึ่งได้ช่วงชิง ความได้เปรียบมาทีละน้อย
ด้วยความขมขืน และบาดแผลมากมาย พลังของไอฮัดซัสและกรังไคน์ช่างแข็งแกร่ง เหล่ามังกรร้าย
ยังคงสู้ ต่อไปด้วยร่างกายที่บาดเจ็บสาหัส ทั่วร่างเต็มไปด้วยบาดแผล และ ความเหนื่อยล้า ของพวก
เขายิ่งชัดเจนยิ่งขึ้นไม่นาน ชิลเลนก็ได้พบ กับการสูญเสีย ครั้งยิ่งใหญ่ เมื่อ มังกรแห่งแสง และ  มังกร
แห่งความมืด ได้ตายลง ยิ่งทำให้ชิลเลนยิ่งวิปลาศมากเข้าไปอีกแต่มันก็ยิ่งเป็น โอกาส ให้ ไอฮัสซัด
กุมชัย เอาชนะชิลเลนได้ในท้ายที่สุด

           เหล่ามังกรที่หลงเหลือ กระจัดกระจายหายไปตามที่ต่างๆ อันธารัสได้ตกลงมาที่ราบไกล้เมือง
กีรัน บังเกิดเป็นร่องรอยขนาดใหญ่  และไม่มีสิ่งมีชีวิตใด เกิดขึ้นบนพื้นที่นี้อีก  มีแต่   เหล่าปิศาจร้าย
และไวเวริน ค่อยๆทยอยกันออกมาจากปากถ้ำ ภายหลังที่นี้ถูกขนานนามว่า"หุบเขามังกร"   และถ้ำที่
อันธารัสหายตัวไป ถูกเรียกว่า"ถ้ำอันธารัส"

มังกรไฟ วาลาคัสได้ร่วง หล่นไปด้านหลังของปราสาทอาเดน   บังเกิดบึงลาวา เถ้าถ่านและเปลวไฟ
ที่ ไม่รู้จักจบจักสิ้น "บึงประกายเพลิง" ก่อนที่จะหลบไปพักฟื้นร่างกายที่เตาหลอมเทวดา

ลิไวดอร์บินหายไปที่กราเซีย และไม่มีผู้ใดได้พบเห็นอีก ส่วนฟาฟูเรียนได้ตกลง มาที่เกาะเทพทำนาย
และ ภายหลังมีข่าวลือว่า ฟาฟูเรียน ได้ทำสัญญา ลึกลับกับ สาวเอลฟ์คนหนึ่งเอาไว้

      ส่วนชิลเลนเธอผันตนเองเข้า สู่โลกแห่งความตาย แต่เธอกลับไม่ได้ตายชิลเลนเพียงเข้าไปสร้าง
วิหาร ปราการ ที่จะเป็นโลกใบใหม่สำหรับเธอ และ เข้าปกครองที่นั้น เรื่องราวสำหรับโลก  ชิลเลนคือ
ผู้แพ้ที่เพียงแค่ถูกผนึก       ให้หลับไหลเท่านั้น ความจริงคือ ชิลเลนยังร่วมรวบพลังจากทุกความตาย
ในโลก ยิ่งความตายเกิดขึ้นมากเท่าไหร่ พลังของเธอยิ่งมากขึ้นเท่านั้น

เธอและเหล่าลูกๆมังกรที่เหลือ เพียงกำลังรอคอย
           วันที่เธอจะกลับมาทวงความเป็นธรรมจากผู้เป็นพ่อและแม่

        เนินนานมากเหลือเกิน กว่ามหาสงครามจะจบลงเผ่าพันธุ์ต่างๆค่อยๆ ทยอยกลับถิ่นฐานของตน
 เหล่าเทพได้จากไปยังสรวงสวรรค์อีกครั้ง ทิ้งไว้เพียงเรื่องราวที่คาใจ  บางเผ่ายังมีข้อกังขา บางเผ่า
ยังคงคลาง แคลงใจ  และยังมีบางเผ่าพันธุ์ที่เก็บความคั่งแค้นเอาไว้












   

  

วันเสาร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ปกรณัม : ลินเนจ 2 บทที่ 2 กำเนิดแห่งเผ่าพันธุ์

        เรื่องราว  หลังจากที่ก่อกำเนิดทวยเทพ     และโลก   Lineage2 ได้ผ่านสายตา
ของท่านไปบ้างแล้ว  อาจมีหลายคนส่งเสียงคัดค้าน  เรื่องเผ่าพันธุ์ อื่นละ และคง มี
ข้อสงสัยกันไปต่างๆนาๆ ไม่ต้องรีบคะ นิทานเรื่องนี้ยังอีกยาวไกล...




        หลังจากที่ไอซัสซัดได้ให้กำเนิด เหล่ายักษ์ ผู้เต็มไปด้วยความรู้ และกำลังไม่นาน
พวกเขาก็ได้  สร้างระบบการปกครองของพวกเขาแต่งตั้ง     ราชาของเหล่ายักษ์  สร้าง
อาณาจักรแห่งพื้นพิภพ  เอาไว้  มากมาย ไม่ว่าจะเป็น          วิทยาการของรถไฟลอยฟ้า
หอคอยที่มีระบบ ป้องกันตัวเองเช่น  "หอคอยครู่ม่า" และสิ่งต่างๆมากมาย เหล่าทวยเทพ
เริ่มเข้าสู่ความเบื่อหน่ายอีกครั้งและครั้งนี้เหล่าบุตรแห่งเทพีไอซ์ฮัสซัด และ เทพกรังไคน์
ก็อยากให้กำเนิดเผ่าพันธ์ของตนเองบ้าง


      เทพีชินเลน ธิดาเทพคนโต ได้ให้ใช้พลังของตนเองให้กำเนิดเผ่าพันธุ์ แห่งสายน้ำ
เอลฟ์สีเทา แต่เนื่องจากรูปการเอลฟ์ครั้งแรกนั้นมีสีสัน   และรูปกายผิดไปจาก ไอฮัดซัส
ทำให้ ชิลเลนต้อง    ใช้พลังของเธอให้กำเนิดเผ่าพันธุ์       ใหม่อีกครั้ง  ผลลัพธ์ที่ได้คือ
เอลฟ์น้ำตาล       ผู้บอบบางและสว่างไสว ราวกับไอฮัสซัด หรือเอลฟ์ต้นไม้  เอลฟ์ทั้งคู่
ก็ยังมี ความละม้าย คลายคลึงกันมาก และ  อาศัยอยู่ร่วมกัน ถายใต้    มารดาคนเดียวกัน  
นั้นคือ เทพีแห่งสายน้ำ   ชิลเลน เอลฟ์เป็นเผ่าที่รวดเร็วและว่องไวมาก   พวกเขางดงาม
และ  ชาญฉลาด แต่ชีวิต ของพวกเขาได้ผูกติดกับต้นไม้มารดา   อันเป็นแหล่งพลังชีวิต
เหล่าเอลฟ์ทั้งหลาย  ในเวลาต่อมาพลังของ  พวกเขาก็คือ พลังแห่ง สายน้ำ สายลม และ
ธรรมชาิติ





         เทพพรากีโอ้ ก็ได้ใช้พลังของต้นเอง ก่อกำเนิดชีวิตใหม่ ได้แก่ เผ่าพันธ์ ออค   นอกจาก
พรากีโอ้ จะให้กำเนิดเผ่าพันธ์ออคแล้ว    เขา ยังคงสอนวิชา มนต์บทแห่งเปลวไฟแห่งชีวิต  ให้
กับออคทั้งหลายอีก   ด้วย แม้เผ่าพันธ์ออค จะเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อและพลัง  แต่บุคลที่พวก
เขา นับถือในหมู่ออคด้วยกันกลับเป็น

           "ออคผู้ที่ทรงพลังอำนาจแห่งเปลวไฟ" 

ผู้นำของเขา   จะได้รับฉายาว่า โอเวอร์ลอด ผู้นำหายนะแห่งสงคราม ใน ครั้งแรกที่เผ่าพันธ์ออค    
ยังร่วมตัวกัน จากหลากหลายความแตกต่าง (แตกเผ่าย่อยมาอีก 6 -8 เผ่า)   เหล่าผู้วีรชนออค ได้
ตัดสินใจ บูชายัญ ตนเอง เพื่อเป็นเปลวไฟแห่งชีวิตคอยปกปักดูแลลูกหลานสืบต่อไปแต่ ในภาย
หลัง  เผ่าออคเองก็เกิดการทรยศขึ้น ในเผ่าของตนเองในตอนท้ายที่สุดเผ่าที่ได้เป็นหัวหน้าแห่ง
เผ่าพันธ์ออคก็คือ เฮสโทมาทุย หรือเผ่าออคที่เรา สามารถเลือกเล่นได้นั้นเอง



             เทพซายฮา     ได้ให้กำเนิด สิ่งมีชีวิตด้วยเช่นกันนั้นคืออาร์เทีย แต่ก็เช่นเคย สิ่งที่เขาให้
กำเนิด เป็นเพียงวิญญาณแห่งสายลม เจตทูติ แห่งลมนั้น รักอิสระ ล่องลอยไปตามที่ต่างๆ  โดย
ไม่ไยดี ยึดติดต่อสิ่งใดเหมือนดังเทพผู้สร้าง เจตทูตินั้น มีความกระหายใครรู้มากมาย แต่หากถูก
นำมาจับขังเอาไว้ พวกเขาจะเสียชีวิตในเวลาไม่นาน

             เทพีมาเฟอร์     ได้ให้กำเนิด  เผ่าพันธ์ ตาแก่ กับ โลลิให้กำเนิดเผ่าพันธุ์ดรอฟ   ผู้กำเนิด
จากพื้นดิน พวกเขามีความเข้าใจ        ในวิทยาการต่างๆได้ว่องไวมาก  บวกกับที่กำเนิดมาจากพื้น
พิภพ  สินแร่ต่างๆ นอกจาก  จะเป็นสมบัติของมาเฟอร์แล้วก็ยังเหมือนสมบัติ  ของพวกเขาอีกด้วย
ด้วยคุณสมบัติสองข้อนี้ทำให้ อาวุธยุทโธปกณ์  จากดรอฟ์ ดูพอเศษ และเลิศเลอกว่าของผู้ใดแม้
แต่เหล่ายักษ์ยังต้อง ยกนิ้วให้ข้อเสียเพียงอย่างเดียวของพวกเขาคือ
"หลงไหลในวิทยาการ และ เงินตรา"






      เหล่าเผ่าพันธุ์ใหม่ ทยอยลืมตาเกิดขึ้นมาในโลก นอกจากชีวิตใหม่นี้  จะเป็นความบันเทิงแก่
เหล่าทวยเทพแล้ว    ยังคงเป็นประโยชน์แก่ อีกเผ่าพันธ์ด้วย            

       ใช่แล้ว เผ่าพันธ์  ที่เกิดมาพวกแรก "เผ่าพันธุ์ยักษ์"

       ยักษ์ ได้ตระหนักถึง  ความเฉลียวฉลาดของเอลฟ์   ยักษ์จึงดึงเอลฟ์เข้ามาทำหน้าที่ การจัดการ
การบัญชี และ   บรรณาลักษณ์ เอลฟ์นั้น   ไม่ค่อยมีความรู้สึกของตัวเองสักเท่าไหร่   อาจเพราะ
พวกเขาอยู่กับ ธรรมชาติ มาโดยตลอด หากนั้นไม่ใช่สิ่งที่ผิด  พวกเขาก็ไม่มีเหตุผล ต้องปฏิเสธ

      ยักษ์ ได้ดึงออคเข้ามาในงานหนัก ที่ต้องใช้แรงงาน ในการสงคราม และ ก่อสร้างด้วยความ
เคารพในความแข็งแกร่งของยักษ์   ออค จึงยอมเข้ามาช่วย

      ยักษ์ ได้ดึงดรอฟ์เข้ามาช่วยงาน    ด้านวิทยาการในการก่อสร้าง ต่างๆ ร่วมถึงผลงานการ
สร้างอาวุธยุทโธปกณ์  ทั้งหลาย ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ของดรอฟ์ทำให้พวกเขาก้ามเข้า
มาแทบในทันที

     ทุกเผ่าพันธ์ดำเนินไปอย่างสงบ  พวกเขาให้ความเคารพซึ่งกัน  และกันและ   บูชาทวยเทพ
ผู้ให้กำเนิดแก่พวกเขา ทุกอย่างก็ควรจะ  ดำเนินไปเช่นนั้นจนกระทั่ง เทพที่ไม่น่าจะให้กำเนิดสิ่งใด

      "อยากจะสร้างเผ่าพันธ์ของตนเองขึ้น"

     มหาเทพกรังไคน์  เมื่อเห็น พระชายา และลูกๆของตนให้กำเนิดสิ่งมีชีวิต  กำเนิดเผ่าพันธ์ใหม่ๆ
ช่างเป็นความบันเทิงเสียเหลือเกินการเฝ้าดูเหล่า   ชีวิตใหม่มันช่างน่าตืนตาตืนใจ แต่คงจะดีไม่น้อ
หากเขาได้ให้กำเนิด เผ่าพันธ์ของเขาเองบ้าง

      เทพแห่งการทำลายล้างกรังไคน์ ไม่มีอะไรเลย นอกจากพลังทำลายพลังของเขา  ไม่อาจก่อ
เกิดชีวิตใดๆได้ เขาได้ไปขอร้องพระชายา ของเขา เทพแห่งแสงไอฮัสซัด

      "หน้าที่ของคือการทำลายล้าง สิ่งที่ท่านสร้างรังจะก่อให้เกิดแต่หายนะก็เท่านั้น"

      ไอฮัสซัดปฎิเสธ อย่างไม่ใยดี เขาจึงต้องบากหน้าไปหาบุตรของเขาแทนและลูกๆของเขาก็
ใจอ่อน

เทพีชิลเลน 

     "ท่านพ่อค่ะ ข้าใช้พลังในการกำเนิดเผ่าพันธ์เอลฟ์ไปจนหมดแล้ว...เหลือแต่พลังแห่งน้ำที่นิ่ง
และเน่าเสีย นี้เท่านั้น ท่านพ่อไม่ควรนำมันไปใช้หรอก"กรังไคน์ ยิ้มมุมปากและจากไป

เทพพรากีโอ

      "บิดาข้า ตัวข้าได้ใช้พลังเปลวไฟแห่งชีวิตให้กำเนิดเผ่าพันธืออคมากมาย และยังใช้ไฟของข้า
เพื่อพวกเขามีพลัง ตอนนี้ข้า เหลือแต่เถ้าไฟที่ไกล้มอด ท่าน อย่าได้เอาไปใช้เพื่อการใดๆเลย"
กรังไคน์หัวเราะเบาๆและจากไป

ซายฮา
      "พ่อ พลังของข้า ได้ให้กำเนิดเหล่าเจตทูตแห่งสายลมไปหมดแล้ว ที่ยังเหลือ มีเพียงสายลมที่
เกรี้ยวกราด ท่านยังมีความต้องการในสายลมเน่าเหม็นนี้เช่นนั้นหรือ" กรังไคน์ยิ้มตอบอย่างพอใจ
จนซายฮาได้แต่ถอนหายใจ

มาเฟอร์ 
       "พ่อข้า ตัวข้านั้นก็มีเพียง ดินที่แห้งแลงและสกปรกจนไม่อาจหาประโยชน์ใดๆได้ ท่านต้องการ
มันอีกหรือ"แม้มาร์เฟอร์จะขอร้องด้วยน้ำตาที่นองหน้า แต่ผู้เป็นบิดาหาได้รู้สึกรู้สาใดไม่
       "มากกว่าที่เจ้าคิด" กรังไคน์ตอบอย่างไม่ลังเล

         แม้เหล่าลูกๆของเขาจะคัดค้าน    แต่สำหรับกรังไคน์แล้ว มันเหมือนการท้าทาย   ในเมื่อเทพ
ทุกองค์ต่างให้กำเนิดสิ่งมี ชีวิตต่างๆได้มากมาย     แล้วทำไมเขาจะให้กำเนิดบ้างไม่ได้ สิ่งที่จะทำ
ออกมาจากน้ำมือของเขา จะต้องวิเศษเหนื่อสิ่งอื่นใด ด้วยจิตวิญญาณแห่ง น้ำ ไฟ ลม และ ดิน
สุดยอดเผ่าพันธ์เหนื่อ กว่าที่ทุกเผ่าพันธ์เคยมีมาจะบังเกิด  และเขาจะพิสูจน์มันเดียวนี้...


        แต่ทว่ากรังไคน์คงลืมคิดไปว่า ด้วยพลังของน้ำที่นิ่งและเน่าเสีย จากชิลเลน เปลวไฟที่ไกล้มอด
ดับ จากพรากีโอ้ สายลมที่  เกรี้ยวกราดของซายฮา    และ ดินที่แห้งแล้ง และสกปรกที่หา    ประโยชน์
ไม่ได้ของ มาเฟอร์ ร่วมกับพลังของเขา เผ่าพันธ์ใหม่ได้ ถือกำเนิดขึ้นมา

         เผ่าพันธ์มนุษย์ ...เผ่าพันธ์ ที่ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงดังออค ไม่มี ความชาญฉลาดแบบเอลฟ์ ไม่มี
ความรอบคอบแบบดรอฟ์ ไม่มีแม้แต่ปีก แบบ เจตทูต ของซายฮา...          พวกเขาไม่มีอะไรเลย
แถมยังอายุสั้นที่สุดในบรรดาเผ่าพันธุ์ทั้งหมด

แม้แต่ ยักษ์ เองก็ยังคาดหวังอะไรไม่ได้จากมนุษย์ และบังคับ พวกเขาให้มาเป็นทาส  กรังไคน์ผิด
หวังอย่างมาก เพราะว่าเขา ไม่ฟังคำทักท้วงของเหล่าลูกๆและชา หรือเปล่า

ทำไม? เผ่าพันธุ์ที่เกิดจากมหาเทพแห่งการทำลายล้าง.... ถึงไร้ค่าถึงเพียงนี้เชียวหรือ...

กรังไคน์ ได้แต่โทษตัวเอง และเลิกสนใจในมนุษย์ไปในที่สุด


















ปกรณัม : ลินเนจ 2 บทที่ 1 อารัมภบทข้างกองไฟ(ปฐมกาล )

บทที่ 1 อารัมภบทใต้กองไฟ(ปฐมกาล )





 เนิ่นนานมาแล้ว ภายใต้โลกสีคราม ที่มีเผ่าพันธ์ทั้ง 5  อาศัยอยู่ร่วมกัน
       เอลฟ์   เผ่าพันธุ์ แห่งสายน้ำ
       ดาร์คเอลฟ์ เผ่าพันธุ์แห่งรัตติกาล
       ออค    ผู้ถือกำเกิดจากเปลวไฟ
       ดรอฟ ผู้มัั่งคั่งในขุมทรัพย์แห่งพื้นแผ่นดิน
       และสุดท้าย มนุษย์ ผู้เต็มไปด้วย "ความอลหม่าน"

      ไม่มีผู้ใดรู้ที่มาที่ไปอย่างแน่นอน... มีเพียงเสียงลือเสียงเล่าอ้าง..

จางหายไปตามสายลม  ลบเลือนจากกาลเวลา 

ในเวลาที่ผู้คนได้ลืมเลือนเรื่องเหล่านี้ไปจนหมดสิ้นแล้วนั้น...

เรื่องราวที่ถูกลืม จะเริ่มต้นขึ้น...

          กลางป่าเขาแห่งหนึ่ง ยังมีคณะนักเดินทาง จะสัญจรไปยังที่ไหนไม่อาจทราบได้
กลุ่มคณะนักเดินทาง มีเพียง พ่อค้าเร่ ผู้คุ้มกัน  ลูกหาบพอสมควร
จวบจนไกล้พลบค่ำ  พวกเขาจึงได้มาเจอกับ... 
ชายชราคนหนึ่ง ท่ามกลางป่า แต่งตัวรุ่มร่าม    ดูช่างแปลกแยกจากคนทั่วไป
เขาขอพักไปกับคณะเดินทาง ด้วยความหนาวเหน็บของอากาศในวันนั้น
ไม่มีเหตุผลใดเลยที่เราจะปฎิเสธ พวกเรารับชายนิรนามผู้นั้นอย่างไม่ลังเล
เมื่อมีผู้ซักถามถึง  เรื่องที่มาที่ไป  ก็ไม่ได้รับคำตอบใดๆกลับมา
เขาบอกเพียงแค่ว่า ตัวเขาเป็นนักเล่านิทาน


           ในค่ำวันนั้นเอง หลังจากที่ทุกคนในคณะได้กินอาหารค่ำใต้กองเพลิงจนอิ่ม
หนำสำราญ และเตรียมจะเข้านอน
ชายนิรนามเอ่ยปากขึ้นหลังจากที่เขาแทบไม่พูดอะไรออกมาเลย...

           " ข้าขอขอบคุณในน้ำใจของพวกท่าน...แต่ตัวข้านี้ไม่มีอะไรเลย
จะเป็นสิ่งของตอบแทนอาหารมื้อนี้"

           " อย่าไปคิดมาเลยท่านลุง พวกเราก็ช่วยกันตามอัตภาพเป็นปกติอยู่แล้ว"
พ่อค้าคนหนึ่งที่กำลังนั่งผิงไฟเอ่ยขึ้น

            " ข้า... ขอตอบแทนอาหารของพวกท่านด้วยนิทานก็แล้วกัน"

            " นิทานเหรอ ก็ดีนะ พวกเรามาล้อมวงฟังกันเถอะ"
 พ่อค้าอีกคนหนึ่งพูด แต่บรรยากาศรอบข้างยังคงเงียบกริบ

              "ก็แค่นิทานหลอกเด็ก" มีแค่เสียงคำพูดเบาๆลอยมา

             พ่อค้า ที่กลาวชวนได้แต่ทำหน้าอย่างเสียไม่ได้...
มีเสียงหัวเราะในลำคอ  ของพวกผู้คุ้มกันดังอยู่เนืองๆ
แต่ท่าที่ของชายนิรนามก็ยังไม่เปลี่ยนไป
มีเพียงรอยยิ้มมุมปากใต้ฮูดคลุมเก่าๆ
เขาหยิบไปป์ขึ้นมาสูบ ในเงามืดนั้นเอง ที่ทำให้ไม่มีใคร
ได้เห็นเลยว่าโฉมหน้า และ นัยตาของชายชราเป็นเช่นไร

              "ใช่...นิทานหลอกเด็ก... เป็นนิทานที่ข้าจะเล่าให้ท่านฟัง... นิทานที่เลือน
หายไปจากประวัติศาตร์ของโลกใบนี้"

พอสิ้นเสียงของชายนิรนาม เหล่าคณะเดินทางทุกคนกลับมีสีหน้าเปลี่ยนไป...
พวกเขาค่อยๆ ทยอยมาไกล้กองไฟจนครบ ชายนิรนามยิ้มมุมปาก ก่อนจะเปิดปากของเขา...



            เมื่อนานมาแล้ว...ในสมัยก่อน ที่โลกได้ถือกำเนิดขึ้นมา  
มีดวงดาวดวงหนึ่ง ที่มีขุมพลังทุกอย่างเอาไว้ด้วยกัน มีทั้ง แสงสว่างและความมืด    
เป็นทั้งขนาดเล็ก และแลดูใหญ่ได้ในเวลาเดียวกัน
ในขณะที่กาลเวลาค่อยๆผ่านไป    ก็ได้มีกลุ่มพลังงานใหม่เกิดขึ้นอย่างช้าๆ   
มีการแบ่งขั้วชัดเจน เป็น  แสงสว่างและความมืด ค่อยๆกลายเป็น
รูปร่างของผู้ทรง อำนาจที่สุดนั้นคือเทพ เป็น 2 พระองค์ได้เกิดมาเพื่อคู่กัน

        มหาเทพีแห่งแสง ไอฮัสซัด  และ...
        มหาเทพแห่งความมืด และการทำลายล้าง กรังไคน์

       หลังจากทั้งคู่กำเนิดขึ้นมา พวกเขาได้ทำให้ดวงดาวนี้แตกออก ทุกอย่างกระจัดกระจาย
กลายเป็น พื้นฟ้า ท้องน้ำ และผืนดิน  และได้มีดวงจิตของดาว ที่ถูกเรียกภายหลังว่า เอเธอร์
ซึ่งเป็นดวงจิตของชีวิต กระจัดกระจายไปทั่ว    เป็น   กลายเป็นพื้นป่าสีเขียวทุกสิ่งมีชีวิตบน
โลกเริ่มต้นจากจุดๆนี้


         มหาเทพทั้ง 2 ได้ถือกำเนิดมาคู่กัน และแบ่งหน้าทีกัน คนละอย่างได้แก่ ให้เทพีไอฮัสซัด
ดูแลและให้กำเนิดชีวิต ทั้งมวล ส่วนเทพกรังไคน์      ทำหน้าที่ทำลายล้างทุกสิ่งที่ ไม่ควรมีอยู่
ร่วมถึงวันสิ้นสุด   ของโลกใบนี้ เทพีไอฮัดซัส และกรังไคน์ สร้างโลกขึ้นมาจากการทำลายดวง
ดาวที่ให้  เทพกรังไคน์ได้ทุบทำลาย ภูเขาใหญ่สร้างทุ่งราบ จัด  สรรพื้นดินอย่างงดงาม ไม่นาน
โลกก็เต็มไปด้วยความ  อุดมสมบรูณ์ของธรรมชาติ

         "ใช่ธรรมชาติ ไม่มีสิ่งใดหลีกลี้หนีไปจากธรรมชาติได้ แม้แต่มหาเทพทั้ง 2 พระองค์"

        เทพีแห่งแสงไอฮัดซัส     ไม่นาน ก็ทรงได้มีความสัมพันธ์ อันลึกซึ้งกับเทพกรังไคน์ จนเกิด
บุตรและธิดาออกมา ธิดาองค์แรก  เทพี  ผู้งดงามด้วยรูปกาย    เทพีชิลเลน เธอได้รับหน้าที่ให้ดูแลสายน้ำทั้งหมดในโลก     บุตรคนรอง เทพผู้ถือกำเนิดพร้อมเปลวเพลิง  พรากีโอ้ เขาก็เช่นกันที่ได้รับหน้า ทีดูแลเปลวไฟ และความอบอุ่น ให้คงไว้แก่โลก    เทพคนที่สาม เทพซายฮา     เทพแห่งสายลม
หน้าที่ของเขา คือดูแลสายลม ทั้งหลาย แต่เนื่องจาก    เขาเป็น  คนที่หลักลอยไม่ค่อยสนใจอะไร
เลย  ทำให้เขาทำหน้าทีได้ เหมือนสายลมจริงๆ เทพคนที่  4  เทพมาเฟอร์ ผู้ดูแลปกปัก แผ่นดิน
ว่ากันว่าขุมทรัพย์ ในพื้นแผ่นดินทั้งหมดคือทรัพย์สมบัติ  ของมาเฟอร์  และเทพีสุดท้อง  เทพีอีวา
เทพที่ขี้อายที่สุดในเนื่องจากไม่มีหน้าทีใดๆเหลือแล้ว ทำให้เธอไม่ต้องคอยดูแลอะไรในบรรดา
พี่น้องทั้งหมด แต่เทพี อีวามีเสียงที่ไพเราะกว่าผู้ใด แถมเธอก็ยังชอบแต่งบทเพลง และกวีต่างๆ

          เมื่อทวยเทพทั้งหมดถือกำเนิดพวกเขาเกิดความเบื่อหน่าย เมื่อต้องล่องลอยอยู่กับโลกที่มี
แต่ธรรมชาิติ ที่กรังไคน์และไอฮัสซัด จัดเอาไว้ ไม่นานพวกเขาก็เริ่ม หาความบินเทิงให้แก่ตนเอง

     เทพไอฮัดซัส ได้ใช้พลังของตนเองให้กำเนิด สิ่งมีชีวิตขึ้นมา สิ่งมีชีวิตแรกได้แก่พวก ยักษ์ 
 ยักษ์ เป็นเผ่าพันธุ์แรก ทรงความรู้และมีพละกำลังมากมาย ไม่นานพวกเขาก็ได้เริ่มทำ อารยธรรม
ของตัวเอง และให้ความเคารพสูงสุดแก่เทพีไอฮัสซัส เหล่าเทพ ได้เริ่มมีควาบันเทิงใหม่แล้ว นั้น
ก็คือการเฝ้าดูสิ่งมีชีวิต บนโลกใบนี้นั้นเอง ....แต่ทว่าในความสงบนั้นเองก็ได้มีเงามืดที่ กำลัง ก่อ
ให้เกิดความเปลี่ยนแปลง อย่างไม่มีวันหวนคืนในไม่ช้า


(โปรดติดตามตอนต่อไป)