วันเสาร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ปกรณัม : ลินเนจ 2 บทที่ 1 อารัมภบทข้างกองไฟ(ปฐมกาล )

บทที่ 1 อารัมภบทใต้กองไฟ(ปฐมกาล )





 เนิ่นนานมาแล้ว ภายใต้โลกสีคราม ที่มีเผ่าพันธ์ทั้ง 5  อาศัยอยู่ร่วมกัน
       เอลฟ์   เผ่าพันธุ์ แห่งสายน้ำ
       ดาร์คเอลฟ์ เผ่าพันธุ์แห่งรัตติกาล
       ออค    ผู้ถือกำเกิดจากเปลวไฟ
       ดรอฟ ผู้มัั่งคั่งในขุมทรัพย์แห่งพื้นแผ่นดิน
       และสุดท้าย มนุษย์ ผู้เต็มไปด้วย "ความอลหม่าน"

      ไม่มีผู้ใดรู้ที่มาที่ไปอย่างแน่นอน... มีเพียงเสียงลือเสียงเล่าอ้าง..

จางหายไปตามสายลม  ลบเลือนจากกาลเวลา 

ในเวลาที่ผู้คนได้ลืมเลือนเรื่องเหล่านี้ไปจนหมดสิ้นแล้วนั้น...

เรื่องราวที่ถูกลืม จะเริ่มต้นขึ้น...

          กลางป่าเขาแห่งหนึ่ง ยังมีคณะนักเดินทาง จะสัญจรไปยังที่ไหนไม่อาจทราบได้
กลุ่มคณะนักเดินทาง มีเพียง พ่อค้าเร่ ผู้คุ้มกัน  ลูกหาบพอสมควร
จวบจนไกล้พลบค่ำ  พวกเขาจึงได้มาเจอกับ... 
ชายชราคนหนึ่ง ท่ามกลางป่า แต่งตัวรุ่มร่าม    ดูช่างแปลกแยกจากคนทั่วไป
เขาขอพักไปกับคณะเดินทาง ด้วยความหนาวเหน็บของอากาศในวันนั้น
ไม่มีเหตุผลใดเลยที่เราจะปฎิเสธ พวกเรารับชายนิรนามผู้นั้นอย่างไม่ลังเล
เมื่อมีผู้ซักถามถึง  เรื่องที่มาที่ไป  ก็ไม่ได้รับคำตอบใดๆกลับมา
เขาบอกเพียงแค่ว่า ตัวเขาเป็นนักเล่านิทาน


           ในค่ำวันนั้นเอง หลังจากที่ทุกคนในคณะได้กินอาหารค่ำใต้กองเพลิงจนอิ่ม
หนำสำราญ และเตรียมจะเข้านอน
ชายนิรนามเอ่ยปากขึ้นหลังจากที่เขาแทบไม่พูดอะไรออกมาเลย...

           " ข้าขอขอบคุณในน้ำใจของพวกท่าน...แต่ตัวข้านี้ไม่มีอะไรเลย
จะเป็นสิ่งของตอบแทนอาหารมื้อนี้"

           " อย่าไปคิดมาเลยท่านลุง พวกเราก็ช่วยกันตามอัตภาพเป็นปกติอยู่แล้ว"
พ่อค้าคนหนึ่งที่กำลังนั่งผิงไฟเอ่ยขึ้น

            " ข้า... ขอตอบแทนอาหารของพวกท่านด้วยนิทานก็แล้วกัน"

            " นิทานเหรอ ก็ดีนะ พวกเรามาล้อมวงฟังกันเถอะ"
 พ่อค้าอีกคนหนึ่งพูด แต่บรรยากาศรอบข้างยังคงเงียบกริบ

              "ก็แค่นิทานหลอกเด็ก" มีแค่เสียงคำพูดเบาๆลอยมา

             พ่อค้า ที่กลาวชวนได้แต่ทำหน้าอย่างเสียไม่ได้...
มีเสียงหัวเราะในลำคอ  ของพวกผู้คุ้มกันดังอยู่เนืองๆ
แต่ท่าที่ของชายนิรนามก็ยังไม่เปลี่ยนไป
มีเพียงรอยยิ้มมุมปากใต้ฮูดคลุมเก่าๆ
เขาหยิบไปป์ขึ้นมาสูบ ในเงามืดนั้นเอง ที่ทำให้ไม่มีใคร
ได้เห็นเลยว่าโฉมหน้า และ นัยตาของชายชราเป็นเช่นไร

              "ใช่...นิทานหลอกเด็ก... เป็นนิทานที่ข้าจะเล่าให้ท่านฟัง... นิทานที่เลือน
หายไปจากประวัติศาตร์ของโลกใบนี้"

พอสิ้นเสียงของชายนิรนาม เหล่าคณะเดินทางทุกคนกลับมีสีหน้าเปลี่ยนไป...
พวกเขาค่อยๆ ทยอยมาไกล้กองไฟจนครบ ชายนิรนามยิ้มมุมปาก ก่อนจะเปิดปากของเขา...



            เมื่อนานมาแล้ว...ในสมัยก่อน ที่โลกได้ถือกำเนิดขึ้นมา  
มีดวงดาวดวงหนึ่ง ที่มีขุมพลังทุกอย่างเอาไว้ด้วยกัน มีทั้ง แสงสว่างและความมืด    
เป็นทั้งขนาดเล็ก และแลดูใหญ่ได้ในเวลาเดียวกัน
ในขณะที่กาลเวลาค่อยๆผ่านไป    ก็ได้มีกลุ่มพลังงานใหม่เกิดขึ้นอย่างช้าๆ   
มีการแบ่งขั้วชัดเจน เป็น  แสงสว่างและความมืด ค่อยๆกลายเป็น
รูปร่างของผู้ทรง อำนาจที่สุดนั้นคือเทพ เป็น 2 พระองค์ได้เกิดมาเพื่อคู่กัน

        มหาเทพีแห่งแสง ไอฮัสซัด  และ...
        มหาเทพแห่งความมืด และการทำลายล้าง กรังไคน์

       หลังจากทั้งคู่กำเนิดขึ้นมา พวกเขาได้ทำให้ดวงดาวนี้แตกออก ทุกอย่างกระจัดกระจาย
กลายเป็น พื้นฟ้า ท้องน้ำ และผืนดิน  และได้มีดวงจิตของดาว ที่ถูกเรียกภายหลังว่า เอเธอร์
ซึ่งเป็นดวงจิตของชีวิต กระจัดกระจายไปทั่ว    เป็น   กลายเป็นพื้นป่าสีเขียวทุกสิ่งมีชีวิตบน
โลกเริ่มต้นจากจุดๆนี้


         มหาเทพทั้ง 2 ได้ถือกำเนิดมาคู่กัน และแบ่งหน้าทีกัน คนละอย่างได้แก่ ให้เทพีไอฮัสซัด
ดูแลและให้กำเนิดชีวิต ทั้งมวล ส่วนเทพกรังไคน์      ทำหน้าที่ทำลายล้างทุกสิ่งที่ ไม่ควรมีอยู่
ร่วมถึงวันสิ้นสุด   ของโลกใบนี้ เทพีไอฮัดซัส และกรังไคน์ สร้างโลกขึ้นมาจากการทำลายดวง
ดาวที่ให้  เทพกรังไคน์ได้ทุบทำลาย ภูเขาใหญ่สร้างทุ่งราบ จัด  สรรพื้นดินอย่างงดงาม ไม่นาน
โลกก็เต็มไปด้วยความ  อุดมสมบรูณ์ของธรรมชาติ

         "ใช่ธรรมชาติ ไม่มีสิ่งใดหลีกลี้หนีไปจากธรรมชาติได้ แม้แต่มหาเทพทั้ง 2 พระองค์"

        เทพีแห่งแสงไอฮัดซัส     ไม่นาน ก็ทรงได้มีความสัมพันธ์ อันลึกซึ้งกับเทพกรังไคน์ จนเกิด
บุตรและธิดาออกมา ธิดาองค์แรก  เทพี  ผู้งดงามด้วยรูปกาย    เทพีชิลเลน เธอได้รับหน้าที่ให้ดูแลสายน้ำทั้งหมดในโลก     บุตรคนรอง เทพผู้ถือกำเนิดพร้อมเปลวเพลิง  พรากีโอ้ เขาก็เช่นกันที่ได้รับหน้า ทีดูแลเปลวไฟ และความอบอุ่น ให้คงไว้แก่โลก    เทพคนที่สาม เทพซายฮา     เทพแห่งสายลม
หน้าที่ของเขา คือดูแลสายลม ทั้งหลาย แต่เนื่องจาก    เขาเป็น  คนที่หลักลอยไม่ค่อยสนใจอะไร
เลย  ทำให้เขาทำหน้าทีได้ เหมือนสายลมจริงๆ เทพคนที่  4  เทพมาเฟอร์ ผู้ดูแลปกปัก แผ่นดิน
ว่ากันว่าขุมทรัพย์ ในพื้นแผ่นดินทั้งหมดคือทรัพย์สมบัติ  ของมาเฟอร์  และเทพีสุดท้อง  เทพีอีวา
เทพที่ขี้อายที่สุดในเนื่องจากไม่มีหน้าทีใดๆเหลือแล้ว ทำให้เธอไม่ต้องคอยดูแลอะไรในบรรดา
พี่น้องทั้งหมด แต่เทพี อีวามีเสียงที่ไพเราะกว่าผู้ใด แถมเธอก็ยังชอบแต่งบทเพลง และกวีต่างๆ

          เมื่อทวยเทพทั้งหมดถือกำเนิดพวกเขาเกิดความเบื่อหน่าย เมื่อต้องล่องลอยอยู่กับโลกที่มี
แต่ธรรมชาิติ ที่กรังไคน์และไอฮัสซัด จัดเอาไว้ ไม่นานพวกเขาก็เริ่ม หาความบินเทิงให้แก่ตนเอง

     เทพไอฮัดซัส ได้ใช้พลังของตนเองให้กำเนิด สิ่งมีชีวิตขึ้นมา สิ่งมีชีวิตแรกได้แก่พวก ยักษ์ 
 ยักษ์ เป็นเผ่าพันธุ์แรก ทรงความรู้และมีพละกำลังมากมาย ไม่นานพวกเขาก็ได้เริ่มทำ อารยธรรม
ของตัวเอง และให้ความเคารพสูงสุดแก่เทพีไอฮัสซัส เหล่าเทพ ได้เริ่มมีควาบันเทิงใหม่แล้ว นั้น
ก็คือการเฝ้าดูสิ่งมีชีวิต บนโลกใบนี้นั้นเอง ....แต่ทว่าในความสงบนั้นเองก็ได้มีเงามืดที่ กำลัง ก่อ
ให้เกิดความเปลี่ยนแปลง อย่างไม่มีวันหวนคืนในไม่ช้า


(โปรดติดตามตอนต่อไป)



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น