วันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ปกรณัม : ลินเนจ 2 บทที่ 6 ภายหลังสงคราม

ย้อนกลับมาสู่กองไฟอีกครั้ง... ชายนิรนามได้หยุดเรื่องเล่าของเขาเอาไว้

               พวกเราไม่ได้ขยับเขยือนเลย ในขณะที่เขาเล่าถึงประวัติศาตร์ของพวกเรา
แม้น้ำเสียงของนักเล่านิทานจะเบาบาง แต่พวกเรากลับรู้สึกได้ว่ามันดังกึกก้อง
อยู่ในหัวตลอดราวกับกำลัง ร่ายมนต์    สงครามที่เขาเล่า ต่างจาก เทพปกรณัมที่เรารู้จัก
อย่างสิ้นเชิง แต่เรากลับไม่มีใครคัดค้านแต่กลับรู้สึก ถูกดึงดูด  ด้วยเรื่องเล่าของเขา
และเรารู้สึกกดดัน ตึงเครียม ร่วมทั้งหวาดกลัวต่อชายผู้นี้ เมือนกฮุกโฉบผ่านเราถึงกับสะดุ้ง
กับเสียงกระพือปีกที่ดังขึ้น

             บุรุษนิรนามหัวเราะเบาๆก่อนยกปล้องยาสูบในมือขึ้นมาจรดที่ริมฝีปาก

"อย่าเพิ่งมองข้ามเรื่องที่ข้าเล่า เพราะมันต่างจากสิ่งที่ท่านเคยรู้เกี่ยวกับเทพเจ้า
เพราะมันไม่มีข้อมูลอะไรเลยจะมา พิสูจน์ได้ ว่า บรรดานักบวชของพวกท่าน
จะมีความรู้มากกว่า กวีพเนจรผู้หนึ่ง..."


หลังจากที่โลกได้ตกเข้าสู่ความโกลาหลครั้งใหญ่... 


           และการหายสาปสูญอย่างกะทันหันของเหล่ายักษ์ ที่เคยเป็นผู้ปกครองเผ่าพันธ์
ทั้งหมดเอลฟ์ ออค ดรอฟ และมนุษย์ จึงได้พบความจริงว่า พวกเขาเคยชินกับการถูก
ปกครองและเป็นเรื่องที่ยากลำบากในการปกครองตนเอง  และที่สุดของการเปลี่ยนแปลง
อันน่าตระหนกคือโลกของเรา เสียหายจาก ค้อนแห่งความสิ้นหวัง มีหลายชีวิต ตายใน
หายนะจากน้ำมือของไอฮัดซัส และมากกว่านั้น เหล่า เผ่าพันะืที่เหลือ เฝ้าวิงวอนร้องขอ
การชี้นำจากเทพเจ้า แต่ไร้ซึ่งคำตอบใดๆ

             ในสถานการณ์ที่อลหม่าลเช่นนี้ เอลฟ์เป็นพวกแรก ที่เข้ามาจัดการทุกอย่างให้
เขารูปเข้ารอย พวกเขาได้รับหน้าที่ให้รับผิดชอบการปกครอง มาตั้งแต่สมัยยังอยู่กับยักษ์
แต่หลังจากการปกครองของเอลฟ์ไม่นาน พวกเขาก้รู้ว่าเอลฟ์ไม่ได้มีศักกายภาพเท่ากับ
ยักษ์ที่เคยมี เผ่าพันธ์แรก  ที่ลุกขึ้นมาต่อต้านเอลฟ์ก็คือ ออค

"เอลฟ์แข็งแกร่งเช่นนั้นหรือ ไม่เลย !แล้วเอลฟ์ มีสิทธ์อะไรมาปกครองพวกเรา หรือ
ไม่เลย! เราจะไม่ยอมให้พวกอ่อนแอ มาบังอาจอยุ่เหนือเราอีกต่อไป"



กองกำลังของออคช่างทลงพลังยิ่งนัก เผ่าพันธ์ของเอลฟ์ที่รักสันติ ย่อมไม่อาจ ต่อกร
กับออค ผู้ทรงพลังได้ ในไม่นาน ดินแดนเกือบทั้งหมดก็ตกอยู่ในการควบคุมของออค

ออคได้ไล่เอลฟ์ มาจนเกือบสุดแผ่นดิน ที่นั้น เอลฟ์ได้ร้องขอความร่วมมือจาก ดรอฟ
ผู้มั่งคั่งด้วยยุทโธปกณ์ชั้นเยียม

          "มาเถิด เผ่าพันธ์แห่งปฐพีเอ่ย มาร่วมมือกับเราเถิด ฝูงออคผู้โหดร้าย ปฏิบัติกับ
เราอย่างทารุณด้วยพลังของพวกเขา พวกเรามาร่วมมือกันต่อสุ้พวกนั้นเถิด"

เอลฟ์ พยายามโน้มน้าว เผ่าพันธ์ดรอฟ

แต่....เหล่าดรอฟ ปฎิเสธ   ในเวลานี้อำนาจทั้งหลายได้ตกไปอยู่ที่ออคจนหมดสิ้นแล้ว

ไม่มีเหตุใด ที่ดรอฟอย่างเขาจะต้องไปร่วมมือกับพวกอ่อนแอ
นั้น ยิ่งทำให้เหล่า เอลฟ์เจ็บแค้น ในคำตอบของดรอฟยิ่งนัก แต่เอลฟ์ก็ยังไม่ตัดใจ
พวกเขาไปขอร่วทมือกับชนเผ่าวายุ อาเทียส ด้วยทักษะ การลาดตระเวน และ
พลังโจมตีจากสายลม ทางอากาศ ของพวกเขานั้นก็เพียงพอที่จะทำให้เอลฟ์
พิชิตชัยเหนื่อพวกออค แล้วแต่ก็เช่นเคย อาเทียส ไม่สนใจเรื่องราวใดๆบนโลก
ร่วมถึงสงครามครั้งนี้ด้วย พวกเขาค่อยๆลี้หายไปซ่อนตัวลึกกลางแผ่นดิน
นั้นยิ่งทำให้ เอลฟ์ เจ็บปวดหัวใจอีกครั้ง

"อนิจจา...หรือ เผ่าพันธ์เอลฟ์ ของเรา จะเดินทางมาถึงจุดจบเสียแล้ว..."

ในขณะที่ ราชาของเอลฟ์กำลัง ตัดเพ้อต่อโชคชะตา ได้มีบุรุษผู้หนึ่งเดินมาอยู่
เบืองหน้าของราชาแห่งเอลฟ์ ชายผู้นั้นก้มหัวคุกเข่าลง  ชายคนนี้สวมมงกุฎกิ่งไม้
เขาคือตัวแทน ของ ชาวมนุษย์

อะฮ้า นี้เจ้ามนุษยืผุ้ต่ำต้อย นี้แม้แต่เจ้า ก็มาเยาะเย้ย สภาพที่สิ้นหวังของเราด้วยหรือนี้
กษัติย์เอลฟ์ ถาม

ผุ้นำชาวมนุษย์ค้อมศีรษะลง และกล่าววาจา

                 "ไม่ใช่เช่นนั้น กษัตริย์ผู้ปรีชา พวกข้านำกำลังอันอ่อนแอของพวกเรามา
เพื่อเป็นประโยชน์อันใดได้บ้าง"

เหล่าเอลฟ์ปลื้มปิติเป็นอันมาก แม้เผ่าพันะืมนุษยืจะอ่อนแอ แต่ก็มากด้วยจำนวน
อันมากมายของพวกเขา สามารถช่วยเหลือที่ดีในการศึก

                 "ช่างน่าสรรเสริญเหลือเกิน กษัติย์มนุษย์ ...พวกท่านอาจไม่ได้มี ความ
สลักสำคัญอะไรนัก แต่การอุทิศตนด้วยความซื่อสัตย์และความเต็มใจที่จะเสียสละชีวิต
ช่างน่ายกย่อง จงไปสู้ศึกและคว้าชัยมาให้ได้ แล้วพวกเราจะมายืนเคียงข้างกันอย่าง
เท่าเทียม กับเราชาวเอลฟ์"

กษัติย์มนุษย์ค้อมกายต่ำอีกครั้งก่อนจะเงยหน้าขึ้น สบกันกับกษัติย์เอลฟ์

                 "กษัยติย์เอลฟ์ ผู้สูงส่งเหนือผู้ใด " เขากล่าวขึ้น

                  "เราชาวมนุษย์ มีเรืองอยากจะขอร้องท่านเรื่องหนึ่งก่อนจะออกไปสู้เพื่อชัยชนะ
อันรุ่งโรจญ์ของเอลฟ์"

                   "อย่างที่ท่านรู้ เราอ่อนแอยิ่งนัก ฟันของเราไม่สามารถแม้แต่จะสร้างรอยขวน
ให้กับผิวหนังของออคเล็บของพวกเราก็ไร้ประโยชน์ต่อกล้ามเนื้อของพวกเขา

ถ้าเช่นนั้นเจ้าปราถนาสิ่งใดจากเราเล่า ชาวมนุษย์....

                  "ได้โปรด... ช่วยสอนเวทย์มนต์ ของพวกท่านให้แก่พวกข้าด้วย"

กษัยติย์เอลฟ์ ตกใจ และเดือดดาลเป็นอันมาก ด้วยเวทย์มนต์นี้ คือบทเพลง... เป็นพลัง
ที่สืบทอดโดยตรงจากอีวา เทพีแห่งน้ำ และคำขอของนี้  มันไม่ต่างกับคำพูดสั้นๆว่า

" เอาพลังของท่านให้กับเรา"

                  "สอนเวทย์มนต์ให้กับมนุษย์นะเหรอ !ไม่มีวัน! "

เหล่าเอลฟ์ทั้งหลาย ร่ายเวทย์มนต์ ที่จะทำลายมนุษย์ตรงหน้า ให้กลายเป็นเถ้าถ่าน
หากแต่ต้องหยุดด้วยคำของเวโรน่า ผู้นำของชาวเอลฟ์ นางยื่นมาเข้าไกล้เกลี่ย
นางรู้สึกได้ว่าคำขอร้องนั้นไม่ใช่ค่ำขู่ และ สมควรได้รับเกียรติตามที่ขอ
มนุษย์ในเพลานั้น อ่อนแอเหลือเกิน ช่างน่าสงสัยยิ่งนักว่าพวกเขาจะเอาชนะออค
ได้อย่างไร หากปราศจากการช่วยเหลือ

แม้จะตกลงกันได้  แต่ด้วยจิตใจ อันต่ำต้อยนั้น 
ไม่อาจ แม้แต่จะเรียนรู้เวทย์มนต์เสียด้วยซ้ำ...





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น