วันพุธที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2560

ปกรณัม : ลินเนจ 2 บทที่ 9 เอลเมอร์อาเดน ประวัติศาตร์ที่ถูกจาลึกใหม่

ชายพเนจรเงยหน้าขึ้น เมื่อเรื่องเล่าของเขาจบลง

             เรื่องราวนี้แตกต่างไปจากที่เรื่องที่เราเคยฟัง แต่กลับคุ้นเคยอย่างประหลาด
หญิงสาวเอลฟ์ผู้งดงามในคณะเดินทางของเรา นั่งเงียบๆ     น้ำตาคลออยู่ในดวงตา

รัตติกาลผ่านล่วงไปในขณะที่ชายนิรนามเล่าเรื่อง ในเวลานี้ ไม่ปรากฏเสียงร้องของ
สัตว์ป่าน้อยใหญ่ ไม่มีแม้แต่เสียงลมพัดยอดไม้เหนื่อศีรษะ แม้แต่เสียงน้ำในลำธารที่
ไหลผ่านก็แผวลงทุกที   มีเพียงเสียงลมหายใน และ เปลวไฟปะทุ     ที่ยังดังขึ้น
ท่ามกล่าง ความเงียบของราตรีนี้   ราวกับทุกสิ่งในธรรมชาติ กำลังกลั้นหายใจ  เพื่อฟัง
เรื่องราวที่ถูกเล่าขานต่อหน้ากองไฟนี้

พวกเราเอนกายเข้าหากัน ในขณะที่ชายผู้นั้นกระแอมในลำคอและเริ่มเล่าเรื่องต่อ

             "นั้นละ มันไม่ดูจะขัดแย้งกันไปหน่อยหรือ...?
              ที่สิ่งมีชีวิตที่ต่ำต้อยอที่สุดอย่างมนุษย์ จะครองชัยเหนือดินแดน ทั้งหมด?
              แต่นั้น ก็เกิดจาก "เจตนารมณ์ของมนุษย์"
              เจตนารมณ์ที่แรงกล้า แม้แต่เทพเจ้าก็ไม่เคยคาดคิดไว้....

เอาละคราวนี้ ข้าจะเล่าถึงเรื่องดินแดน อาณาจักรมนุษย์อันรุ่งเรืองที่สุดที่เคยมีมา
นี้คือเรื่องราวของมนุษยื ที่เดินตามรอยเท้าของเหล่ายักษ์

             ในช่วงสงครามทีกินเวลายาวนาน ของออค เอลฟ์ และ มนุษย์ ท่ามกลาง
อาณาจักรเอลเมอร์มนุษย์ได้เริ่มก่อตั้งอาณาจักรแรกเริ่มของพวกเขาด้วยกลุ่ม
แกนนำที่ประกอบไปด้วยตระกูล "อธีน่า"เขารวบร่วมเหล่าจอมเวทย์มนุษย์ ป้องกัน
ตนเองด้วยกำลัง และจัดระเบียบใหม่ด้วยการข่มขู่และ ลงเอยด้วยการพัวพันกับ
การต่อสู้ น้อยใหญ่ ชูไนมาน ผู้นำสูงสุดของตระกูลอธีน่า ได้ผนึกแคว้นของเขา
ที่เรารู้จักกันในนาม เอลเมอร์-อาเดน


            ชูไนมาน กษัติย์มนุษย์ผู้ต่ำต้อย ที่เคยสวมมงกุฏกิ่งไม้ของบรรพชน
บัดนี้เขาได้สวม มงกุฏทองคำ กับ อัญมณีแวววับ เหนื่อศีรษะ ตำนานของพวกเขา
เลืองลือมากในหมู่ชนรุ่นหลัง ตัวตนของเขา อยุ่ไกล้เคียงกับเทพเจ้าเลยที่เดียว

แต่จรรกพรรดิ์ ชูไนมานเองล่วงรู้ถึงชาติกำเนิดของตน ที่เกิดจกการทดลองของ
กรังไคน์เทพแห่งความตายและการทำลายล้าง เพราะเหตุนี้ทำให้มนุษย์ มี
ชาติกำเนิดต่ปมด้อย ในฐานะอันต่ำต้อย  ยิ่งกว่านั้นการที่เขารู้ว่าเผ่าพันธ์ของเขา
เกิดมาจากการนำเศษเหลือเดนของแต่ละเผ่าพันธ์มาร่วมกัน เป็นเรื่องที่ยอมรับ
ไม่ได้สำหรับ ชาติกำเนิดของ ผู้ปกครองแผ่นดิน

ข้อเท็จจริงอันแสนอัปยศนี้พวกเขาไม่ต้องการ
             เพื่อาณาจักรใหม่ของพวกเขา พวกเขาต้องการตำนานบทใหม่ในหน้า
ประวัตศาตร์ เพื่อเกียริติยศของเผ่าพันธ์ และด้วยหน้าประวัติศาสตร์ที่ถูกเขียน
ขึ้นใหม่นี้ จะทำให้มนุษย์ มีเกียรติยศ สืบไป


               ผลที่ตามมาคือ ชูไนมาน ได้ก่อ การปฏิวัติ ศาสจักรครั้งใหญ่ เขาได้
หยิบยก เทพีไอฮัซซัสเทพีผู้สร้างขึ้นเป็นตัวแทน ของเทพผู้สร้างเผ่าพันธ์มนุษย์
ขึ้นแทนเทพแห่งความตายกรังไคน์  ด้วยหน้าประวัติศาตร์ใหม่นี้ ทำให้เหล่า
จอมเวทย์แห่งศาตร์มืด และ ผู้นับถือในตัวเทพกรังไคน์ ถูกกวาดล้างออกจาก
อาณาจักร พวกผู้นับถือกรังไคน์ได้ถูกปฎิบัติอย่างโหดเหี้ยม (ช่วงนี้ จะตรงกับ
ตำนาน อาชีพ ของเนโครแมนเซอร์ ที่ถูกกดขี่เป็นอันมากจนหายไปจาก
อาณาจักรเอลเมอร์อาเดนไป)

            การปฎิรูปของศาสนจักรดำเนินไปอยู่หลายชั่วอายุคน จนในที่สุด มนุษย์
ก็เชื่อว่า ตนเองถือกำเนิดจากเทพีผู้สร้าง เทพีแห่งแสง เทพแห่งความดีงาม
 ไอฮัสซัส ส่วนกรังไคน์ ป็นเทพที่อยู่ฝังตรงข้ามกับตน การมีอยู่ของเขาเป็น
เพียงสัญลักษณ์ของความชั่วร้าย

(การปฎิวัตินี้ยังดำเนินมาถึงบัจจุบัน ในเควส : มือ และ เท้าของศาสนา ที่โบสถ์
ดีออน ในเควส ทางโบสถ์ จะทำการปกปิด บิดเบือนข้อมูลทุกอย่างที่เราได้มา
ร่วมถึงให้เราสังหารเทพผู้รับใช้ไออัดซัส ที่พยายามจะนำข้อมูลว่า ไออัดซัสนั้น
แท้จริงโหดร้าย เพียงใด ในศาสนจักรเอง จึงมีสงครามกันเองระหว่างผู้ที่ศรัทธาใน
ไอฮัดซัส และ ผู้ที่รู้ถึงตัวตนที่แท้จริง  ด้วยตัวตนที่ต่างกันแต่กลับยังต้องอยู่ด้วยกัน
ทำให้เกิดการแบ่งแยกอาชีพของพระ เคลริค  ออกเป็น 2ท่างคือ บิชอพ ผู้ใช้ปาติหารแห่งแสง
กับ โปรเฟต นักบวชผู้รักตนเองและ อิสระ)

เมื่อเรื่องนี้ลอยไปถึงหูของกรังไคน์ เขาหัวเราะเบาๆ

        "เจ้าจะไม่นับถือข้า ข้าก็ไม่โกรธหรอก เจ้ามนุษย์  แต่...
         เจ้าคิดจริงๆหรือว่าด้วยอุ้งมือของพวกเจ้า จะ สามารถ ปิดแผ่นฟ้าอันกว้างใหญ่นี้ได้




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น